สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) ประกาศวิสัยทัศน์และข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาลชุดใหม่ หวังผลักดันให้ประเทศไทยใช้จุดแข็งด้านสุขภาพ อาหาร และการท่องเที่ยว สร้างความได้เปรียบในตลาดโลก พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนา 'Startup Ecosystem' ของสตาร์ทอัพไทยให้แข็งแกร่ง เพื่อรับมือกับความท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ข้อเสนอทั้ง 7 ข้อ ครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ Manpower, Money, และ Market โดยมีรายละเอียดดังนี้:
Manpower (กำลังคนด้านดิจิทัล):
- ควรเน้นการพัฒนาทักษะดิจิทัลและเทคโนโลยีสำหรับบุคลากร เพื่อให้เกิดการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตลาดโลก ทั้งนี้ควรมีการสนับสนุนด้านการศึกษา การฝึกอบรมและการจัดโปรแกรมเร่งรัดความรู้ด้านดิจิทัลที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม
Money (การสนับสนุนด้านการเงิน):
- เงินลงทุน: ควรจัดสรรเงินทุนให้เทียบเท่ากับประเทศชั้นนำอย่างสิงคโปร์ ซึ่งจัดสรรเงินลงทุนสูงถึง 200 ล้านบาทต่อบริษัท ผ่านกองทุน Matching Fund ที่ร่วมลงทุนกับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง
- เงินกู้: ควรมีการให้กู้ยืมแบบไม่ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกัน ผ่อนชำระ 5 ปี วงเงินสูงสุด 13 ล้านบาทต่อบริษัท
- เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน: ควรบังคับใช้กฎหมาย Credit Term Guideline อย่างเคร่งครัด โดยกำหนดให้บริษัทใหญ่ต้องชำระเงินแก่คู่ค้าไม่เกิน 45 วัน โดยนโยบายนี้ไม่ต้องใช้เงินภาษีประชาชน
- PO Financing: ใช้ใบสั่งซื้อเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ
Market (การเข้าถึงตลาด):
- ผลักดันสู่ตลาดต่างประเทศ: ควรผลักดันสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายทูตพาณิชย์ทั่วโลก เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยเติบโตในตลาดสากล
- Thailand First: ควรกำหนดสัดส่วนงบประมาณด้านไอทีที่ต้องใช้ซื้อสินค้าหรือบริการจากสตาร์ทอัพไทย เพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจภายในประเทศ
โดยทางสมาคมฯ เชื่อมั่นว่าข้อเสนอเหล่านี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว