ประเทศไทยยืนหนึ่ง ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการชำระเงินผ่าน QR Code ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเติบโตอย่างรวดเร็วของ QR Payment ในภูมิภาคนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกรรมของผู้คนเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างกว้างขวางอีกด้วย
การชำระเงินด้วย QR Payment เริ่มแพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากในภูมิภาคยังมีการเข้าถึงระบบธนาคารที่ต่ำและระบบ ATM ในชนบทก็ยังเข้าถึงได้ยาก รวมถึงการมาถึงของสมาร์ทโฟนราคาถูก ส่งผลทำให้ประชาชนหันมาใช้ QR Payment เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางและรัฐบาลของหลายประเทศ ระบบการชำระเงินผ่าน QR code ค่อยๆ กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชน
ประเทศไทยถือเป็นผู้นำด้านการใช้งาน QR Payment ในภูมิภาค ผ่านระบบ "พร้อมเพย์" (PromptPay) ซึ่งเปิดตัวในปี 2017 โดยในปี 2023 มีส่วนแบ่งการใช้จ่ายของคนไทยกว่า 28% ผู้ใช้งานที่ลงทะเบียน PromptPay เพิ่มขึ้นเป็น 77.2 ล้านราย และมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันถึง 129,000 ล้านบาท ยอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 5.7 พันล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปี 2022
ในมาเลเซีย ระบบ DuitNow QR เปิดตัวในปี 2019 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มีธุรกรรมเกิดขึ้นถึง 1,500 ล้านรายการ มูลค่า 1,370 ล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 64% และ 37% จากปีที่ผ่านมา
ในอินโดนีเซีย QRIS มีการเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 226% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ขณะที่ฟิลิปปินส์ก็มีการเติบโตของธุรกรรมดิจิทัลเช่นกัน โดยมีธุรกรรมถึง 2.6 พันล้านรายการในปี 2023 เพิ่มขึ้น 28.1% และธุรกรรมผ่าน QR Ph เพิ่มขึ้น 17.2 เท่าจากปีก่อน
PayNow QR Payment จากสิงคโปร์ มีการทำธุรกรรมถึง 437 ล้านรายการ ในปี 2023 มูลค่ารวม 157,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และยังเป็นโครงสร้างสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพและฟินเทคหลายบริษัท เช่น Grab เป็นต้น
ในส่วนของกัมพูชาและเวียดนาม แม้จะเริ่มต้นระบบ QR Payment ได้ไม่นาน ก็มีการเติบโตอย่างมากเช่นกัน KHQR จากกัมพูชาโตถึง 29% ในปี 2023 โดยมีธุรกรรมกว่า 601 ล้านรายการ เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าภายในสามปี และ VietQR จากเวียดนาม มีธุรกรรมเพิ่มขึ้น 104.23% ในปริมาณ และ 99.57% ในมูลค่า เมื่อเทียบกับปี 2023
ธนาคารกลางและรัฐบาลของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พยายามผลักดันการเชื่อมต่อระบบชำระเงินระหว่างประเทศด้วย QR Payment หรือการจ่ายเงินผ่านการสแกน QR Code ข้ามพรมแดน (Cross Border QR Payment) ซึ่งช่วยให้ทั้งประชาชนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวสามารถทำธุรกรรมได้สะดวกขึ้น และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ระบบ QR Payment ขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้
ในปัจจุบัน ระบบ QR Payment จาก 4 ประเทศหลัก ได้แก่ PromptPay ของไทย, DuitNow QR ของมาเลเซีย, QRIS ของอินโดนีเซีย และ PayNow ของสิงคโปร์ เชื่อมต่อกันได้ ทำให้ผู้ใช้ในแต่ละประเทศสามารถชำระเงินข้ามประเทศผ่าน QR Code ได้ง่ายขึ้น
นอกจากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ PayNow ของสิงคโปร์ ร่วมมือกับ WISE แพลตฟอร์มโอนเงินและชำระเงินนั้นนำจากสหราชอาณาจักร ทำให้ผู้ใช้งาน WISE สามารถสแกนชำระเงินผ่าน QR cod e ในร้านเล็กๆ ที่ไม่รับบัตรเครดิต รวมถึง DuitNow QR ยังเชื่อมต่อกับระบบ Alipay ของประเทศจีน ทำให้ชาวจีนสามารถสแกน Alipay ผ่าน DuitNow QR รวมถึงชาวมาเลเซียที่ไปจีนก็สามารถสแกนผ่าน Alipay ด้วยเช่นกัน
"เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อข้ามพรมแดนของระบบ QR และมุ่งเน้นไปที่ผู้ค้ารายย่อยและนักท่องเที่ยวที่ใช้วิธีการชำระเงินที่ไม่ค่อยพบมาก่อน" Farhan Ahmad ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ PayNet กล่าว
การชำระเงินผ่าน QR Code ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและจะกลายเป็นโครงสร้างสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ด้วยการเชื่อมโยงข้ามพรมแดนระหว่างประเทศในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่าง PromptPay, DuitNow, QRIS และ PayNow ทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย
ในอนาคต เราจะเห็นการขยายตัวของ Cross Border QR Payment มากขึ้น คาดว่าระบบ QR Payment จะไม่จำกัดอยู่เฉพาะในภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่จะมีบทบาทสำคัญในระดับโลก ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน และทำให้การชำระเงินดิจิทัลเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกรรมในอนาคต
อ้างอิง: nikkei, bot.or.th1, 2
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด