บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้แบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม เผยความสำเร็จจากปี 2566 ยอดขายทะลุเป้ากว่า 40,000 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนรวม 7,000 ล้านบาท พร้อมกางกลยุทธ์ 5 ปี “No.1 Omnichannel DIY Home Retailer : Driving Sustainable Growth” เร่งเครื่องสู่ความเป็นสุดยอดผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านในทุกชาแนล รุกเดินหน้าขยาย Hybrid Format (White Format) “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม” พุ่งเป้าเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ปี 2566 นับเป็นปีแห่งความสำเร็จของซีอาร์ซี ไทวัสดุ ที่มียอดขายรวมโตสูงสุด 40,000 ล้านบาท จาการดำเนินธุรกิจตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ภายใต้งบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 11% โดยนอกจากความสำเร็จในเชิงรายได้แล้ว ยังได้มุ่งเร่งแผนการขยายสาขาไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮมทุกฟอร์แมตถึง 14 สาขา ภายในปีเดียว ถือว่าเป็นปรากฏการณ์การเติบโตที่สวนกระแสเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมมีจำนวนสาขาถึง 90 แห่ง ครอบคลุม 47 จังหวัดทุกภูมิภาค
ในภาพของการเติบโตของช่องทางการขายออนไลน์ตั้งแต่ปี 2563 - 2566 ที่ได้รับแรงผลักดันต้องปรับตัวจาก วิกฤติ COVID 19 และ Digital Disruption ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงทำให้เร่งพัฒนาระบบ E-Commerce เพื่อขายสินค้าและให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบทุกช่องทาง พัฒนาเพื่อสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ซึ่งมียอดขายพุ่งแตะระดับ 1,400 ล้านบาท ภายในเวลา 4 ปี อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ถึง 145% มีลูกค้าใหม่ที่ ช็อปออนไลน์มากกว่า 5,000 คน/เดือน ครองใจลูกค้าเดิมให้มีการซื้อซ้ำถึง 60% และซื้อเฉลี่ย (basket size) สูงขึ้น 12%YoY โดยจำนวนลูกค้าในภาพรวมที่ซื้อทั้งหน้าร้านและออนไลน์ (Omnichannel Customers) เติบโตสูงขึ้น 46%YoY จากตัวเลขดังกล่าวช่วยการันตีได้ว่าในทุกช่องทางการขายสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นายสุทธิสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จที่ผ่านมา ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้ดำเนินธุรกิจและยึดมั่น Core value ในด้านของราคา และคุณภาพเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด Low-Cost Business Model โดยมี 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1) Adequate Staff การจัดจ้างพนักงานในจำนวนที่เหมาะสมกับขนาดของแต่ละพื้นที่สาขา และพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
2) No Fancy Decor การตกแต่งสาขาเรียบง่าย และการจัดวางดิสเพลย์ที่เน้นใช้งานได้จริง
3) Big Volume Order การซื้อและจัดหาสินค้าที่เน้น Volume สูง เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ แต่ยังคงคุณภาพที่ดีทำให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าในราคาที่คุ้มค่าและถูกกว่าที่อื่น
นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาขีดความสามารถด้านปฏิบัติการ (In-House Operations) ด้วยความเชี่ยวชาญของบุคลากร เพื่อช่วยลดต้นทุนภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการขนส่ง (Own Transport Fleet) ด้านการออกแบบ (Store Design) และการมีบุคลาการทางด้านไอที (IT Management) เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในองค์กร ทำให้ลดการพึ่งพาจากหน่วยงานภายนอก ส่งผลดีต่อลูกค้าที่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาย่อมเยา
ในส่วนของการยกระดับประสบการณ์ ช็อปให้ตรงใจลูกค้า Customer Oriented Category Development ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้า และบริการเฉพาะทางให้ตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์เรื่องงานช่างและเรื่องบ้าน ได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น ตรงตามกระแส อาทิ Solar World กลุ่มสินค้าโซล่าร์เซลล์ที่ครบครันในทุกฟังก์ชันคุณภาพมาตรฐาน Tier 1 พร้อมแพคเกจติดตั้ง โซนเฟอร์นิเจอร์โฉมใหม่แบรนด์ CALINA ที่ยกระดับความหลากหลายสำหรับทุกห้องภายในบ้าน เน้นคอนเซปต์ DIY Wardrobe ที่มีบริการออกแบบ 3D ให้ลงตัวตามพื้นที่ และงบประมาณ Bike Shop โซนจักรยานเพื่อทุกคนในครอบครัวที่รักการออกกำลังกาย Consumer Electrics แผนกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ Line up Range ครบทุกขนาดและฟังก์ชั่น บนพื้นที่ดิสเพลย์กว่า 1,000 ตร.ม. และ Construction Showroom ที่ไทวัสดุเป็นเจ้าแรกในวงการที่จัดทำห้อง Construction Showroom เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อสินค้าโครงสร้างขนาดใหญ่ให้เป็นเรื่องง่าย โดยได้รวบรวมสินค้าจริงกว่า 5,000 รายการ จัดดิสเพลย์ตัวอย่างวัสดุ ข้อมูลสินค้าเชิงลึก และโซลูชั่นต่างๆ ในพื้นที่กว่า 450 ตร.ม.
รวมถึงการพัฒนาช่องทาง Omnichannel ยังถือเป็นหัวใจหลัก เพื่อให้การเลือกซื้อและจับจ่ายสินค้าได้หลากหลายตอกย้ำการเป็นตัวจริงเรื่อง O2O (Online-to-Offline) ผสานทั้งจุดแข็งของออฟไลน์ และความสะดวกสบายของออนไลน์ไว้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะยังคงนิยมเดินทางมาซื้อสินค้าหน้าร้าน (Physical) เพื่อสัมผัสและทดลองใช้จริง แต่เรายังคงมีการพัฒนาช่องทางออนไลน์ (Digital) ทุกแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทาง Website, Social Commerce (Line -Chat & Shop, Facebook, Call & Shop, Call Center, Application, Call center 1308) นำเสนอในคอนเซ็ปต์ “Phygital” คือ การเชื่อมต่อประสบการณ์ ช็อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางใด ลูกค้าจะได้รับการนำเสนอสินค้าและบริการที่เหมือนกัน ทั้งการซื้อที่ร้านและออนไลน์ คือ
สำหรับทิศทางสร้างการเติบโตของไทวัสดุในปี 2567 นี้ ยังคงขับเคลื่อนการปูพรมขยายสาขาทุกภูมิภาคทั่วไทย (Ambitious Expansion) ภายใต้แบรนด์แบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ตั้งเป้าขยายทุกโมเดล ทั้ง Red Format รูปแบบมาตรฐาน, Hybrid Format (White Format) และ Blue Format ขนาดเล็ก เจาะกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย รวมทั้งสิ้น 103 แห่ง บนพื้นที่ขายรวมกว่า 1,400,000 ตร.ม.
ทั้งนี้ แผน 5 ปี (2567-2571) ได้มุ่งเป้าหมายตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร “No.1 Omnichannel DIY Home Retailer ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดด้วยยอดขาย 70,000 ล้านบาท และอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 12% เหนือการเติบโตของตลาดในภาพรวม โดยมี 3 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยนำไทวัสดุเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน 3 เรื่องหลักๆ คือ
ทั้งนี้ จากการเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในช่องทางออนไลน์ได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 ด้วยปัจจัย
นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าวแล้ว ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจฮาร์ดไลน์สีเขียว ตามเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ในการเป็น Green & Sustainable Retail ผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ด้วยกลยุทธ์ CRC’s “ReNEW” ที่เป็นกรอบการดำเนินงาน 4 แกนหลัก ได้แก่
“ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์อย่างแข็งแกร่ง พร้อมรับความท้าทายใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย และมุ่งพัฒนาทุกแพลตฟอร์มออมนิชาแนล ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ ไทวัสดุ จะก้าวขึ้นสู่การเป็นสุดยอดผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถสร้างความยั่งยืนในทุกมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปด้วยกัน” นายสุทธิสาร กล่าวทิ้งท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด