คุณเทพพันธ์ อัศวะธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ปณิธานของชาวไทยวิวัฒน์ ที่อยากให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้อย่างง่ายขึ้นและทั่วถึง เพื่อเป็นตัวช่วยสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงทางด้านทรัพย์สิน ชีวิต และการเงิน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ตามสโลแกนของแคมเปญ Control Your Life: อิสระการใช้ชีวิตที่เลือกได้ ณ วันนี้ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ได้ก้าวข้ามความสำเร็จไปอีกขั้น ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้นี้ ด้วย InsurTech หรือ การประยุกต์เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้กับการประกันภัย ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และมีประสบการณ์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ คุณเทพพันธ์ยังได้เผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจอีกคือ ค่าเฉลี่ยของประชากรโลกต่อการเข้าถึงประกันภัยอยู่ที่ 6.09 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคนไทยนั้นอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ซึ่งจัดว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และที่สำคัญประกันประเภทวินาศภัยกับมีเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แสดงว่ามีการเข้าถึงน้อยมาก ในส่วนของรถยนต์ส่วนบุคคลในประเทศไทยมีสูงถึง 15 ล้านคัน ในขณะที่มีผู้ถือกรมธรรม์รถยนต์เพียง 7.5 ล้านกรมธรรม์ ดังนั้นประกันภัยไทยวิวัฒนจึงอยากผลักดันให้คนไทยมีการป้องกันความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
นวัตกรรมของประกันภัยไทยวิวัฒน์ มีความโดดเด่นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับประกันภัยอื่นในตลาดประกันภัยไทย เนื่องจากไทยวิวัฒน์ได้ริเริ่มกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ จากความเข้าใจผู้ใช้งานจริงอย่างถ่องแท้ ซึ่งแนวทางด้านนวัตกรรมของไทยวิวัฒน์ นั้นมุ่งสร้าง InsurTech ให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งต้องยึดลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางในการพัฒนา โดยไทยวิวัฒน์เห็นว่าสิ่งที่ลูกค้าปัจจุบันกำลังมองหาอยู่นั้น มีลักษณะพฤติกรรมที่สำคัญ 3 ประการคือ
จึงทำให้เกิด Thaivivat Innovation Model หรือ แนวทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค กล่าวคือ สิ่งที่ไทยวิวัฒน์คิดค้นขึ้นมานั้น จะต้องมี 3 สิ่งนี้ ก่อนออกสู่ผู้บริโภค อันได้แก่
ณ งานเปิดตัว Feature ใหม่ ของประกันรถเปิดปิดในครั้งนี้ ไทยวิวัฒน์ได้นำแนวทางนวัตกรรมนี้มาแสดงให้ดูว่าสามารถนำมาใช้งานเพื่อให้เกิด สิ่งใหม่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในโลก ซึ่งทางบริษัทได้พิสูจน์ความสำเร็จในแนวทางนวัตกรรมนี้ด้วยรางวัลทั้งหน่วยงานภาครัฐ สถาบันเอกชน รวมถึงสำนักงาน คปภ. ซึ่งต่างรับรู้ทิศทางที่ดีและเล็งเห็นถึงความพยายามเพื่อสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย
โดยไฮไลท์สำคัญในงาน “ALL NEW ON-OFF INSURANCE 2019” คือการเปิดตัว Feature นวัตกรรมใหม่ ของประกันรถเปิดปิด ออกสู่ตลาด ได้แก่
1. แพ็กเกจประกันรถเปิดปิด ที่ตอบโจทย์ และคุ้มค่ามากขึ้น (Personalized Product) ประกันรถเปิดปิด ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค โดยยังยึดความยุติธรรมเป็นหลัก ให้ผู้เอาประกันจ่ายค่าเบี้ยประกันตามเวลาการใช้งานจริงคิดเป็นนาที ทำให้ผู้เอาประกัน สามารถลดภาระค่าเบี้ยประกันไปได้ถึง 40% หากมีการใช้รถที่ทำประกันเฉลี่ยไม่เกินวันละ 4 ชม. นอกจากค่าเบี้ยประกันที่คุ้มค่าแล้ว ผู้เอาประกันยังสามารถเลือกความคุ้มครองและทุนประกันที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง มีให้เลือกทั้งประกันชั้น 3+ ชั้น 2+ และชั้น 1 พร้อมทั้งสามารถเลือก ระยะเวลาการประกันภัยได้ ตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ได้ตามต้องการ ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุมและทำมาเพื่อตอบโจทย์ผู้เอาประกันแต่ละคนมากที่สุด
2. ระบบเปิด-ปิด ประกันอัจฉริยะ “TVI Connect” เปลี่ยนประสบการณ์เปิดปิดใหม่ ง่ายยิ่งขึ้น (Reliable Service) ครั้งแรกของโลก กับการนำเทคโนโลยี NB-IoT มาใช้จริงในวงการประกันภัย นั่นคือ ระบบเปิด-ปิด ประกันอัจฉริยะ TVI Connect ที่นำข้อเสนอแนะของผู้บริโภคมาเป็นโจทย์ โดยความร่วมมือของผู้นำนวัตกรรมระดับโลก ทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมอันดับ 1 ของไทยอย่าง AIS และผู้ให้บริการระบบคราวด์อันดับ 1 ของโลกอย่าง AWS มาผนึกกำลังกันพัฒนา ทั้ง Hardware และ การเชื่อมต่อของข้อมูลแบบ Real-Time เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค
โดยจุดเด่นสุดของ TVI Connect คือสามารถทำงานเปิดปิดประกันได้โดยทันทีเมื่อมีการ สตาร์ทและดับเครื่องยนต์ ของรถที่ทำประกันไว้ โดยการทำงานทั้งหมดเกิดจากตัวอุปกรณ์เอง ไม่ต้องพึ่ง Bluetooth หรือแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากมือถืออีกต่อไป โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการใช้งานจาก แอปพลิเคชัน Thaivivat Motor โดยจะมีการส่ง Notification แจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการเปิดและปิดประกัน ถือได้ว่าสามารถแก้ไข pain point ของผู้บริโภคที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวลืมเปิดปิดประกัน ไม่ต้องกลัวเปลืองอินเตอร์เน็ต หรือกังวลเรื่องแบตมือถือหมดอีกต่อไป พร้อมทั้งยังสามารถใช้รถร่วมกันได้หลายคน โดยไม่จำเป็นต้องมีแอพพลิเคชันอยู่ในมือถือของผู้ขับขี่ และยังติดตั้ง TVI Connect ได้ง่าย เพียงต่อเข้ากับช่องเสียบ USB ในรถ ซึ่งระบบ TVI Connect ได้ผ่านการทดสอบรับรองความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยเครือข่าย NB-IoT ของ AIS ที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และ ระบบคลาวด์ของ AWS ที่รองรับการทำงานได้ 99.99% และรองรับการใช้งานการส่งสถานะการเปิด/ปิด ประกันได้กว่า 10,000 ครั้งพร้อมกันต่อ 1 วินาที เป็นการนำ IoT (Internet of Things) มาใช้งานได้จริง และสมบูรณ์แบบที่สุดในอุตสาหรรมประกันภัยไทย ณ ขณะนี้
3. แอปพลิเคชันใหม่ จัดการเรื่องประกันรถ ง่ายในแอปเดียว (End-to-End Solution) ไทยวิวัฒน์ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์มาเพื่อให้การดูแลผู้เอาประกันอย่างครอบคลุม คือ ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองทุกประการเหมือนประกันรถรายปีทั่วไป แต่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันตามนาทีที่ขับรถจริงทำให้ประหยัดได้มากกว่า ซึ่งหมายความว่าผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองแม้ปิดประกันขณะจอดรถอยู่อย่างครบถ้วนตามประเภทประกันที่เลือก คือ ประกันชั้น 2+ และชั้น 1 จะคุ้มครองรถหายไฟไหม้ 24 ชม. ตลอดอายุกรมธรรม์แม้ประกันจะปิดอยู่ และประกันชั้น 1 ก็จะให้ความคุ้มครองกรณีที่คู่กรณีไม่ใช่ยานพาหนะทางบกด้วยเช่นกันแม้ประกันจะปิดอยู่ ทำให้ผู้ใช้งานสบายใจว่าความคุ้มครองของประกันรถเปิดปิดไม่ได้ลดลงไปเลย เพียงแต่ค่าเบี้ยประกันนั้นถูกกว่ามาก จากแนวคิด เมื่อเราไม่ได้ขับรถตลอดเวลาก็ไม่ควรต้องเสียค่าประกันตลอดเวลาเนื่องจากความเสี่ยงโดยส่วนใหญ่นั้นมักเกิดขึ้นเวลาขับขี่เมื่อไม่ใช้รถเราก็ไม่ควรต้องจ่ายค่าประกันจนเกินความจำเป็น
นอกจากความคุ้มครองที่ครบถ้วนครอบคลุมแล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถจัดการเรื่องประกันรถเปิดปิด ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor ได้แบบครบวงจร ทั้งนี้ทีมนักออกแบบ ได้ดีไซน์ทั้ง UX (User Experience) และ UI (User- Interface) ที่ง่าย และสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม โดยผู้ใช้งานสามารถ ตรวจสอบสถานะประกันรถเปิดปิด ได้ตลอดเวลารวมถึงการแจ้งอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยไม่ต้องบอกเส้นทางให้ยุ่งยาก แอปพลิเคชันจะส่งพิกัด Latitude & Longitude ไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุของไทยวิวัฒน์ในทันที เพื่อส่งทีมปฏิบัติการให้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุได้ในเวลาที่สั้นที่สุด พร้อมทั้งตรวจสอบพิกัดของทีมปฏิบัติการไทยวิวัฒน์ได้ด้วยว่าเดินทางถึงจุดไหนแล้ว เพิ่มความมั่นใจและอุ่นใจให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
พร้อมทั้งมีฟังก์ชันค้นหาอู่ศูนย์ซ่อม สถานพยาบาล และสถานีตำรวจ ที่ใกล้กับลูกค้าพร้อมแสดงข้อมูลติดต่อ สามารถนำทางผู้ใช้ไปยังสถานที่เหล่านี้ได้โดยทันที เมื่อครบกำหนดการต่ออายุกรมธรรม์ เอาประกันก็สามารถเลือกต่ออายุ แผนประกันที่เราต้องการ และชำระค่าเบี้ยผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที ซึ่งได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ ที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงอย่าง Omise ถือได้ว่า ประกันรถเปิดปิดรูปแบบใหม่นี้ ตอบโจทย์ผู้เอาประกันได้เต็มรูปแบบ
คุณเทพพันธ์ กล่าวว่า “ประกันรถเปิดปิด TVI Connect รูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้คนไทยเปิดรับ และเข้าถึงประกันภัยรถยนต์ได้มากขึ้น จากที่ปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 50% หรือกว่า 7 ล้านคันทั่วประเทศที่ยังไม่มีการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่มีความคุ้มครองทางทรัพย์สินบุคคลภายนอก มีแค่เพียงความคุ้มครองค่าเสียหายทางชีวิตและร่างกายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเท่านั้น ประกันรถเปิดปิด จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ เนื่องจากทำให้ผู้ใช้รถมีทางเลือกมากขึ้น ในการซื้อแผนประกันที่เหมาะสมกับตนเอง เลือกจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงจากการใช้รถจริง ทำให้คุ้มค่ากับการได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับการใช้งาน เมื่อมีการป้องกันความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินที่เพียงพอ คนไทยก็จะมีความมั่นคงในการดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายของแต่ละคนได้มากยิ่งขึ้น”
ดร. เฉลิมพล สายประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนวัตกรรม บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ได้มีการสาธิตการใช้งาน แอปพลิเคชัน Thaivivat Motor แต่ละฟังก์ชันให้ได้เห็นไปพร้อมๆกันในงานและได้ทิ้งท้ายให้ทุกคนสามารถตรวจสอบค่าเบี้ยและซื้อประกันรถเปิดปิดได้เลยผ่านทาง LINE Chatbot ที่ LINE Official @Thaivivat ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ซื้อประกันรถยนต์ได้ทันทีในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการประกันภัยอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ต่อยอดจากความสำเร็จกับประกันรถเปิดปิด ในปัจจุบันที่มียอดขายกว่า 100,000 กรมธรรม์จากที่ตั้งเป้าไว้เพียง 10,000 กรมธรรม์ และมีอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ที่สูงเป็นประวัติการของประกันภัยรถยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจของผู้ใช้งานประกันรถเปิดปิด และได้ประเมินไว้ว่าจากการเปิดตัว Feature ใหม่ของประกันรถเปิดปิด TVI Connect ในครั้งนี้ จะทำให้อัตราการเติบโตของประกันรถเปิดปิดก้าวกระโดด โตขึ้นจากเดิมกว่า 200% อีกด้วย
ไทยวิวัฒน์ ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech หรือ นวัตกรรมประกันภัยกับทุกความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพที่มีการใช้งานร่วมกับ Wearable Technology ชั้นนำอย่าง Garmin และ Fitbit อย่าง ประกันสุขภาพ Active Health ที่ส่งเสริมให้คนไทยออกกำลังกาย “ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยยิ่งลดทันทีทุกเดือน” และ ประกันเดินทางเปิดปิด ที่ให้อิสระในการเดินทาง ไม่จำกัดประเทศ อายุผู้เดินทาง หรือแม้แต่กีฬาเสี่ยงภัยอย่างสกี ดำน้ำ หรือ บันจี้จัมพ์ พร้อมทั้งให้ผู้เดินทางสามารถเพิ่มลดวันเดินทางได้แม้อยู่ต่างประเทศ และมี Features พิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยฉุกเฉินทางการเดินทางและการแพทย์ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง และแม้แต่การแปลภาษาหรือแปลงสกุลเงินอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ คุณเทพพันธ์ กล่าวว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัยการได้รับ Feedback จากผู้บริโภคเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง และเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ มี Idea ใหม่ รับรองได้ว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นได้อย่างแน่น่อน ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต”
นอกจากนี้ยังเผยถึงความสำเร็จถึงยอดขายที่ขายได้สูงถึง 100,000 กรมธรรม์ และยังมีผู้ใข้งานที่ต่ออายุสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจัดว่าขายได้มากกว่า 10 เท่าจากเป้าที่ตั้งไว้ คาดว่าในอนาคตจะเติบโตถึง 100 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด