เป็นการลงสนามเทรดวันแรกที่เปิดตัวไปได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว สำหรับบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ 'TIDLOR' ที่ได้ทำการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ โดยราคาหุ้นเปิดเทรดวันแรกที่ 53.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 46.57% จากราคา IPO ที่ 36.50 บาท ก่อนที่จะปิดการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้้ที่ระดับ 50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.50 บาท คิดเป็น 36.99% มูลค่าการซื้อขาย 21,826 ล้านบาท
สำหรับหุ้น TIDLOR ที่เข้าเทรดครั้งแรกนี้ ถือเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุด 5 ลำดับแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย โดยมีมูลค่าเสนอขายรวม 38,089 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ประมาณ 84,643 ล้านบาท
ด้านคุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “หุ้น “TIDLOR” จะเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ (10 พฤษภาคม 2564) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของเงินติดล้อ และเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราชาวเงินติดล้อทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จของการเสนอขายหุ้น IPO และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ โดยเงินติดล้อเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งดำเนินธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อยู่ในตลาดที่มีการกระจายตัวสูง เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยการช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นธรรม มีความน่าเชื่อถือ และโปร่งใส โดยเงินติดล้อมีการเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งเกิดจากการขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง แพลตฟอร์มที่มีช่องทางการให้บริการที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก รวมทั้งการนำเสนอนวัตกรรมทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ เงินติดล้อดำเนินธุรกิจผ่านการนำโมเดลธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการทางการเงินและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย (Omni-Channel) ผ่านสาขาที่มี 1,076 แห่งในพื้นที่กว่า 74 จังหวัด และเสริมโดยเครือข่ายการส่งต่อลูกค้าผ่าน สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา 638 สาขา ตัวแทน 5,132 ราย ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกมือสอง 491 ราย และตัวแทนขายผ่านโทรศัพท์ 519 คน รวมถึงช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น เงินติดล้อ เฟซบุ๊ก และ TIDLOR Connect เพื่อลดช่องว่างและสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านการเงินให้กับประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศไทย
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 – 2563 ของเงินติดล้อนั้นมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,569.4 ล้านบาท 9,457.9 ล้านบาท และ 10,558.9 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 1,306.2 ล้านบาท 2.201.7 ล้านบาท และ 2,416.1 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2561 - 2563 อยู่ที่ 39,724.1 ล้านบาท 47,979.4 ล้านบาท และ 51,331.2 ล้านบาท ตามลำดับ และเบี้ยประกันวินาศภัยจัดเก็บได้ ณ สิ้นปี 2561 2562 และ 2563 อยู่ที่ 1,917.7 ล้านบาท 2,854.3 ล้านบาท และ 4,010.9 ล้านบาท ตามลำดับ โดย ณ สิ้นปี 2563 เงินติดล้อมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพียง 1.7% ต่อสินเชื่อรวม เนื่องจากมีการกระบวนการพิจารณาสินเชื่ออย่างรอบคอบและรัดกุม และมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 325.1%
โดยภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทางเงินติดล้อได้วางเป้าหมายที่จะนำเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการขยายธุรกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนปรับปรุงสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่อีกประมาณ 500 สาขาภายในปี 2566 ให้ครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม นำเงินไปลงทุนพัฒนาระบบไอทีและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และปรับโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด