Toyota ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับรถยนต์ EV รุ่นถัดไปโดยจะใช้แบตเตอรี่แบบ Solid -State ที่สามารถชาร์จได้เร็วกว่าและมีการขับเคลื่อนที่ระยะทางสูงสุดถึง 900 ไมล์
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Toyota เปิดเผยแผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่ง รวมถึงแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้านทานแรงลม และ พัฒนากระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด
ในแผนของ Toyota จะเริ่มนำแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนคุณภาพสูงเข้าไปใช้ในรถยนต์ EV รุ่นถัดไปภายในปี 2026 เพื่อให้สามารถชาร์จได้เร็วกว่าและขับเคลื่อนได้ระยะทางที่สูงสุดถึง 620 ไมล์ หรือ 1,000 กิโลเมตร
ซึ่งแบตเตอรี่จะใช้เคมีของแบตเตอรี่ลิเธียมนิกเกิลโคบอลต์แมงกานีส (NCM) แบบเดียวกับรถ SUV ไฟฟ้า bZ4X แต่จะเพิ่มระยะการขับขี่เพิ่มขึ้น 20% พร้อมลดต้นทุนลง 20%
Toyota กล่าวว่ามีเป้าหมายที่จะนำเสนอแบตเตอรี่ EV แบบ Solid-State ที่สามารถให้ระยะทางการ ขับขี่มากกว่า 900 ไมล์และใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที เทียบกับ Superchargers ของ Tesla ที่ต้องใช้เวลาในการชารจ์ถึง 15 นาที พร้อมกับตั้งเป้าหมายที่จะส่งออกขายในเชิงพานิชย์ ภายในปี 2027 และ 2028
หลังจากการขึ้นมาของ CEO คนใหม่อย่าง โคจิ ซาโตะ วิศวกรและนักวางแผนของ Toyota จึงพัฒนาแผนการทำงานใหม่ที่จะทำให้ Toyota เป็นผู้นำในด้านรถยนต์ EVs และต้องประหยัดต้นทุนให้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้
แม้ว่ารัฐบาลและนักลงทุนจะกระตุ้นให้ Toyota เข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ Toyota ยังคงยึดมั่นกับกลยุทธ์ไฮบริดที่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า EV, รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานปลั๊กอิน (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (HEV) และยานพาหนะที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV)
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Toyota ก่อตั้งหน่วยงาน BEV Factory ขึ้นมาเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ หน่วยงานนี้จะดูแลการเปิดตัวไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2026 และ ต้องทำยอดขายให้ได้ถึง1.7 ล้านคัน ภายในปี 2030
Toyota บอกไว้ก่อนหน้านั้นว่าภายในปี 2025 จะมีตัวเลือกในการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับ รถยนต์ทุกรุ่นทั้ง Toyota และ Lexus ในทุกตลาดทั่วโลก
ในปี 2021 บริษัทได้จัดงบประมาณถึง 70 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการเข้าสู่อุตสาหกรรม รถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030
โดยกว่าครึ่งของงบประมาณนี้ได้รับการจัดสรรเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ
Toyota แถลงว่าจะใช้งบประมาณ 48 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับสร้างห้องปฏิบัติการแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ในสหรัฐฯ และใช้งบประมาณ 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ
ที่มา : TechCrunch, Electrek
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด