ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าหรือ Electric Vehicle กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการผลักดันจากทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา EV เริ่มมีบทบาทไม่น้อย เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ ซึ่งล่าสุด Toyota ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นก็ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการลงทุนด้าน EV ในภูมิภาคนี้อย่างจริงจัง โดยประเทศที่เป็นเป้าหมายสำคัญของ Toyota คือ “อินโดนีเซีย”
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Toyota ได้ร่วมหารือกับนายพล Luhut Pandjaitan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเดินเรือ ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลด้านคมนาคมในประเทศอินโดนีเซีย ถึงความเป็นไปได้ในลงทุนด้านการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าในประเทศอินโดเนีย มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2019 ถึงปี 2023
รายงานข่าวยังระบุคำกล่าวของ Akio Toyoda ประธานของ Toyota Motor Corporation ว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ารออยู่แล้ว Toyota จึงให้ความสนใจลงทุนกับอินโดนีเซียเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ การลงทุนจะเริ่มจากการพัฒนารถยนต์ Hybrid ตามแผนงานที่รัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดไว้
“ภายในปี 2019 ถึงปี 2023 Toyota จะขยายการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียเป็นมูลค่า 28.3 ล้านล้านรูเปีย (คิดเป็น 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)” คำกล่าวของ Akio Toyoda ที่ระบุในแถลงการณ์รายงานการประชุมกับรัฐบาลอินโดนีเซีย เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ถูกจับตามองอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนอกจากกำลังผลิตที่มาเป็นอันดับสองของภูมิภาคและตลาดขนาดใหญ่จากจำนวนประชากรมหาศาลแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตแร่ Nickel Laterite ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี Li-ion ที่ใช้ใน Electric Vehicle ปัจจุบัน
ทั้งนี้ ไม่ได้มีแค่ Toyota เท่านั้นที่สนใจลงอินโดนีเซีย เพราะก่อนหน้านี้ Hyundai Motor ก็ได้ประกาศลงทุนมูลค่า 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ส่วน Mitsubishi Motor ก็เข้ามาร่วมงานกับรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อพัฒนาแผนงานเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018
อ้างอิงข้อมูลจาก Reuter
ขอบคุณภาพประกอบจาก Toyota
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด