
Toyota กำลังทุ่มสุดตัวให้กับเทคโนโลยีใหม่อย่างแบตเตอรี่ Solid-State ตั้งเป้าเป็นเจ้าแรกที่นำแบตเตอรี่โซลิดสเตตแบบเต็มรูปแบบมาใช้งาน โดยรถ EV คันแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้อาจเปิดตัวได้เร็วที่สุดในปี 2027 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณท้าชนคู่แข่งทั้งจากฝั่งตะวันตกและจีนที่กำลังไล่ตามมาติดๆ
สิ่งที่ทำให้แบตเตอรี่โซลิดสเตตแตกต่างจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน คือการใช้อิเล็กโทรไลต์ที่เป็นของแข็งแทนที่ของเหลว การเปลี่ยนแปลงนี้อาจฟังดูเล็กน้อย แต่ส่งผลมหาศาลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยจะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น, อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และการชาร์จที่รวดเร็วกว่าเดิมซึ่งอาจเหลือเพียง 10 นาที
แบตเตอรี่โซลิดสเตตใช้ส่วนประกอบที่เป็นของแข็งทั้งหมด ต่างจากแบตเตอรี่แบบเหลวในปัจจุบัน ทำให้มีศักยภาพที่จะมีขนาดเล็กลง, ให้กำลังขับสูงขึ้น และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ซึ่งอาจพลิกโฉมอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้
และเพื่อเร่งให้เป้าหมายนี้เป็นจริง Toyota ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Sumitomo Metal Mining Co., เพื่อผลิตวัสดุแคโทดที่มีความทนทานสูง และ Idemitsu Kosan เพื่อสร้างโรงงานผลิตลิเธียมซัลไฟด์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ โดยการจับมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างซัพพลายเชนแบตเตอรี่ขึ้นเองในประเทศ ลดการพึ่งพาจากจีนและเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การเป็นเจ้าแรกของโลก ของ Toyota นั้นเต็มไปด้วยคู่แข่งที่น่ากลัว ทั้ง Mercedes-Benz ที่ได้นำรถยนต์ต้นแบบที่ใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตตออกวิ่งทดสอบบนถนนจริงแล้วซึ่งวิ่งได้ไกลถึง 1,205 กิโลเมตร
ขณะที่ยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง CATL และ BYD ก็ตั้งเป้าเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ราวปี 2027 เช่นกัน โดย BYD จะเริ่มใช้กับรถยนต์ไฮเอนด์ก่อนในช่วงแรก ส่วน SAIC MG ก็ได้ชิงเปิดตัว MG4 ที่ใช้แบตเตอรี่แบบกึ่งโซลิดสเตตออกสู่ตลาดไปแล้ว
อ้างอิง : Reuters, Global.toyota
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด