2 ปีก่อน บริษัท Startup ผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Uber ได้อำลาจากตลาดประเทศจีน แต่วันนี้กลับมาเดิมพันกับตลาดจีนอีกครั้งในฐานะผู้ผลิตจักรยานและสกูตเกอร์ ไม่ใช่ในฐานะผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เคยทำในหลายประเทศ
ล่าสุด Rachel Holt หัวหน้าฝ่าย New Mobility ของ Uber เปิดเผยว่า ตอนนี้ Uber กำลังเพิ่มเรื่องของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain), สรรหาบุคลากรลงในงานอีกหลายตำแหน่ง, รวมถึงหาคนจากตอนใต้ของจีนมาทำงานร่วมกับ Partner อย่างบริษัทผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ อีกด้วย แต่ในเวลานี้ยังไม่ได้เปิดเผยรายชื่อ Partner แต่อย่างใด
Rachel ระบุการเดินหน้าลงทุนครั้งนี้อาจส่งผลให้จักรยานและสกูตเตอร์ที่ผลิตจะแพงขึ้น จากกำแพงภาษีที่ Donald Trump กำหนดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทอเมริกาผลิตสินค้านอกประเทศ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการลงทุนใน Supply Chain ต่างๆ ต่อไป
เขายังระบุต่อว่าทาง Uber ก็ยังสนใจเปิดตัวบริการใหม่ๆ ในอีกหลายประเทศในทวีปเอเชีย แต่ไม่รวมประเทศจีน ซึ่งการไม่รวมประเทศจีนเข้าไปด้วย อาจเป็นเพราะ Uber ได้ขายกิจการให้กับ Didi Chuxing ไปเมื่อปี 2559 เป็นผลมาจากการประกอบการ Uber ในจีนขาดทุนอย่างหนักนั่นเอง รวมถึงยอมรับการเปิดตัวในหลายๆ ประเทศก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องข้อกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลที่ไม่อนุมัติด้วยเช่นกัน
Rachel ยังกล่าวเป็นนัยด้วยว่าการผลิตจักรยานไฟฟ้าและสกูตเตอร์ไฟฟ้าจะพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ไม่เคยผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนให้กับคู่แข่งอย่าง Lime และ Bird เพราะอาจจะได้รูปแบบของจักรยานไฟฟ้าและสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่ซ้ำแบบเดิม รวมถึงอาจจะมีความทนทานต่อการใช้งานต่ำอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ Uber ก็ได้ซื้อกิจการ JUMP Bikes ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นในเดือนกันยายน Uber ได้รีแบรนด์ปรับโลโก้องค์กรใหม่ เพื่อสื่อให้เห็นว่า Uber จะเปลี่ยนมาเป็น Mobility Platform (แพลตฟอร์มสำหรับการเคลื่อนที่) ที่ไม่ได้มีแค่บริการเรียกรถยนต์เท่านั้น แต่ยังมีการให้เช่าสกูตเตอร์, จักรยาน, รถยนต์ และอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งต่อมาในช่วงต้นเดือนตุลาคม ก็ได้เริ่มเปิดบริการให้เช่าสกูตเตอร์ไฟฟ้านำร่องในเมืองแซนตาโมนิกา ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด