Uber จับตลาดรถบรรทุก ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยทำการส่งครั้งแรกซึ่งเป็นเบียร์ 50,000 กระป๋องสำเร็จแล้ว | Techsauce

Uber จับตลาดรถบรรทุก ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยทำการส่งครั้งแรกซึ่งเป็นเบียร์ 50,000 กระป๋องสำเร็จแล้ว

ผมกำลังหัดโยคะ” Walt Martin กล่าวติดตลกขณะกำลังคุกเข่านั่งบนส้นเท้า คงจะฟังดูธรรมดาถ้าไม่ใช่ว่าขณะนี้เรากำลังอยู่บนรถ 18 ล้อที่กำลังวิ่งผ่านรัฐโคโลราโดด้วยความเร็ว 55 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยมี Martin เป็นคนขับ

รถบรรทุกคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มูลค่า 30,000 เหรียญโดย Otto Startup จาก San Francisco บริษัทที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เพิ่งจะเป็นผู้สร้างรถบรรทุกส่งของที่ขับขี่ด้วยระบบอัตโนมัติเป็นเจ้าแรกของโลก โดย Otto เพิ่งถูก Uber ซื้อไปด้วยมูลค่าราวๆ 680 ล้านเหรียญ

ottotruck_ta-1024x768

ที่นั่งตรงพวงมาลัยไร้วี่แววคนขับ

รถบรรทุกคันนี้กำลังขนเบียร์ Budweiser 50,000 กระป๋อง แม้คุณอาจจะคิดว่าช่วงเวลาแบบนี้น่าจะส่งอะไรที่ดูเจ๋งกว่านี้ก็ตาม

การขับขี่ก็โฉบเฉี่ยวพอๆกับเบียร์ในรถพ่วง โดยประมาณเที่ยงคืนครึ่ง หลังจากออกจากโรงหมักเบียร์ใน Fort Collins และเข้าสู่ถนนเชื่อมรัฐสายที่ 25 คนขับก็กดปุ่ม “engage” และเมื่อมั่นใจว่าระบบขับขี่อัตโนมัติเริ่มทำงาน เขาก็ปีนออกจากที่นั่งไปเบาหลังและคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อไม่ให้มีสัญญานเตือนมากวนใจเมื่อรถเริ่มแล่นด้วยความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมงลงใต้มุ่งหน้าสู่ Colorado Spring

อย่ากังวลไป Otto ไม่ได้ต้องการที่จะปลดพนักงานอย่าง Martin หรือใครออกจากงานหรอก

โดยเทคโนโลยีนี้จะใช้งานได้ดีบนถนนไฮเวย์เพราะไม่ต้องคอยรับมือกับความวุ่นวายบนท้องถนนเช่นจุดหยุดรถต่างๆเด็กขี่จักรยานหรือทางม้าลายโดยสามารถรักษาความปลอดภัยไว้ได้ด้วยการรักษาระยะห่างและเปลี่ยนเลนเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ

ต่างจาก Tesla อย่างไร?

ระบบขับขี่อัตโนมัติของ Otto แตกต่างจาก Tesla  โดย Ottoใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ซึ่งเมื่อรถบรรทุกเริ่มเข้าสู่ไฮเวย์ มันจะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งคนขับสามารถไปจัดการเอกสาร คุยโทรศัพท์ หรือแม้แต่งีบเป็นช่วงสั้นๆ

เทคโนโลยีนี้พร้อมแล้วที่จะทำเงิน”  Lior Ron ผู้ก่อตั้ง Otto กล่าวอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งมันจะสามารถรับมือกับทุกสภาพถนนได้

ซึ่งถ้าเขาทำสำเร็จ Ron บอกว่าเขาสามารถทำให้การขนส่งกลายเป็นอาชีพในท้องถิ่นได้คุณลองจินตนาการถึงอนาคตที่รถบรรทุกเป็นเหมือนรถไฟเสมือน โดยมีถนนไฮเวยเป็นรางเขามองว่าวันหนึ่งรถบรรทุกที่วิ่งฉิวบนไฮเวย์ จอดตามจุดส่งของตามที่กำหนด และให้คนขับกลับเข้าเมือง โดยคนขับจะกลายเป็นเหมือนนักบินที่แค่พาเครื่องลงจอดเทียบเท่านั้น

ฮาร์ดแวร์ของ Otto สามารถใช้งานได้กับทุกรถบรรทุกด้วยเครื่องส่งสัญญาณอัตโนมัติ ระบบ LIDAR laser detection มีสามยูนิต มีอยู่ในห้องพักผู้โดยสารหรือพนักงาน สายเรดาร์อยู่บริเวณกันชน และกล้องกันแม่นยำเหนือกระจกรถ

สำหรับอุปกรณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนโลกนั้น ได้แก่ ปุ่มขนาดเล็กขนาด 2 ปุ่มที่เอาไว้เปิดปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ  (ปุ่มหนึ่งใกล้พวงมาลัย อีกปุ่มหนึ่งที่นอนด้านหลังเบาะ) เเละปุ่ม เปิด/ปิด เขียนไว้ว่า “Engage.” ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์จะส่งข้อมูลทั้งหมดเพื่อกำหนดเส้นทางการขับขี่ และวิศวกรของ Uber ก็กำลังทำการดูแลเรื่องดังกล่าว

ตลาดรถบรรทุก

รถที่ขับด้วยระบบอัตโนมัตินั้นน่าสนใจ แต่สำหรับรถบรรทุกมันมีประโยชน์มากกว่า โดยระบบรถบรรทุกที่ขับด้วยระบบอัตโนมัติจะถูกนำมาใช้งานจริงเร็วๆนี้ เพราะอุตสาหกรรมมีความต้องการใช้สูงมาก อุตสาหกรรมรถบรรทุกขนส่งนั้นถือเป็น 70% ของระบบขนส่งประเทศ ขนส่งสินค้าประมาณหมื่นล้านตันต่อปี และปริมาณขนขับรถบรรทุกนั้นไม่เพียงพอ สมาคมรถบบรทุกขนส่งอเมริกาประกาศยอดคนขับที่ลดลง 48,000 คน และคาดการณ์ว่าอาจจะถึง 175,000 คนภายในปี 2024

เหนือไปกว่าการลดความต้องการผู้ขับรถบรรทุก ระบบการขับขี่อัตโนมัตินี้จะทำให้ถนนปลอดภัยขึ้น สถิติจากส่วนกลางทุกวันคือมีรถบรรทุกเกิดอุบัติเหตุวันละ 400,000 คันต่อปี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คน ในทุกๆเคสมันเกิดจากความผิดพลาดของคนเราคิดว่าเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองจะช่วยพัฒนาให้ความปลอดภัยดีขึ้น ลดการปล่อยกาศ และประสิทธภาพในการดำเนินงานด้านการขนส่ง” James Sembrot ผู้ดูแลด้านขนส่งสำหรับ Anheuser-Busch และทำงานให้กับ Otto ตั้งแต่การทดลองใช้งานครั้งแรกในเดือนตุลาคม

Sean McNally โฆษกของสมาคมรถบรรทุกอเมริกา ยอมรับว่าเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถเพิ่มควมปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น แต่เขาก็ถามถึงความคิดในการเปลี่ยนรถบรรทุกขนาด 40 ตันให้ขับเคลื่อนโดยระบบคอมพิวเตอร์ และรัฐบาลกลางสหรัฐก็กำลังพิจารณาความคิดนี้อยู่

อย่างไรก็ตาม Otto ก็ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อบริษัทเริ่มทำงานเมื่อเดือนมกราคม เขาก็ซื้อรถบรรุทุกคันแรกโดยทันที จนเดือนพฤษภาคมเขาก็สร้างตัวต้นแบบขึ้นมาได้สำเร็จ ขบวนหลายคัน ขณะกำลังอยู่บนทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 101 - 280 ใน San Fraciso นักวิศกรไอทีเริ่มใช้งานบริษัทดังกล่าวและมองว่าจะมีอัพเดททุกปี

ขณะนี้พวกเข้ากำลังมุ่งพัฒนาเรื่องพื้นฐานต่างๆ เช่น การทำให้การหยุดรถและการเร่งเครื่องทำได้ดีขึ้น พัฒนาระบบการควบคุมการเปลี่ยนแปลง การเฝ้าระวังในจุดก่อสร้าง และสามารถจัดการกับอันตรายต่างๆ ได้เช่น สภาพอากาศที่เลวร้ายฉับพลัน

ระบบอัตโนมัติที่พาเราไปได้ทุกที่และทำได้ทุกอย่างคือเป้าหมายอันสูงสุด แต่นั่นเท่ากับว่าเราต้องจัดการกับสภาพแวดล้อมอันยุ่งยากต่างๆภายในเขตเมืองได้ด้วย เช่น จุดจอดรถนั่นคือความก้าวหน้าครั้งใหญ่เลยนะรอนกล่าว

สำหรับอนาคตที่เรามองเห็นอยู่นี้ คนขับยังคงเป็นส่วนสำคัญในระบบ แต่ Otto จะทำให้พวกเขาจัดการกับความเครียดขณะขับขี่ได้ดีขึ้น ด้วยวิธีการต่างๆ ตัวอย่างเช่น ฝึกโยคะ เป็นต้น

ที่มา: Wired.com

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ม.มหิดล ผลักดันแหล่งทุนสตาร์ทอัพฯ iNT บ่มเพาะ สานต่อนวัตกรรมยุคใหม่สู่สังคม

หากเปรียบสตาร์ทอัพคือ “นักรบเศรษฐกิจใหม่” ที่จะมาช่วยพลิกประเทศให้มีความเจริญเติบโตมากขึ้น การปั้นนักรบให้มีอาวุธที่แหลมคมและมีคลังเสบียงอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การเร...

Responsive image

กว่าจะเป็น Product and Service ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ทีม Data ต้องทำอะไรบ้าง ? : รู้จักทีม Intelligence Engineering & Data Technology ที่ KBTG | Tech for Biz EP. 29

กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า รู้ไหมทีม Data ต้องทำอะไรบ้าง ? . เผยเบื้องหลังการทำงานของทีม Intelligence Engineering & Data Technology ที่ KBTG เจาะลึกกลยุทธ์การส...

Responsive image

Meta จัดงาน Facebook IRL เชื่อมต่อ Creator Community ในชีวิตจริง เผยผู้ใช้ Facebook ในไทย 60 ล้านคนต่อเดือน

ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่เวทีโลกอีกครั้ง เมื่อ Meta เลือกกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในสามประเทศนอกสหรัฐฯ ที่จัดงาน Facebook IRL หรือ Facebook In Real Life ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ระหว่างวันที...