Virtual Bank หรือ ธนาคารไร้สาขา ถือเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง เพราะด้วยปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่างสนใจที่จะลงทุนใน Vitual bank กันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งในหลาย ๆ ประเทศ ต่างก็ทยอยออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้ดำเนินการไปบ้างแล้ว
ทั้งนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ความหมายของ Virtual bank หรือ Digital-only bank ไว้ว่า คือ ธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินธุรกิจบนช่องทางดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบ ในบทความนี้ Techsauce จะพาไปทำความรู้จักกับ Virtual Bank กันให้มากขึ้นว่าคืออะไร มีบริการอะไรบ้าง แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปยังไง รวมถึงคำถามเกี่ยวกับ Virtual Bank ที่พบบ่อย และตัวอย่างของ Virtual Bank ในต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง ?
Virtual Bank แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิม นอกเหนือจากเรื่องการมีสำนักงานสาขา ก็คือ ผู้ขอจัดตั้ง Virtual Bank ต้องมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล , มีความเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีและข้อมูลที่หลากหลายทั้งข้อมูลทางการเงินและข้อมูลทางเลือก เช่น พฤติกรรมการใช้จ่าย มาใช้ประเมินความเสี่ยงและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถนำเสนอบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ (new value proposition) แก่ลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจรและเหมาะสม
Virtual Bank สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยเน้นลูกค้ารายย่อย และ SMEs ที่คุ้นเคยกับการทำธุรกรรมบนโลกดิจิทัล รวมถึงกลุ่มที่ยังไม่เข้าถึงบริการทางการเงินในระบบ (unserved) เช่น ไม่เคยมีบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน/เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ หรือกลุ่มที่ยังไม่ได้รับบริการที่ดีเพียงพอ ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตน (underserved) ให้มีโอกาสเข้าถึงหรือได้รับบริการทางการเงินที่ดีขึ้น
ธปท. เปิดกว้างให้ผู้ประกอบธุรกิจทั้งในภาคการเงิน (เช่น ธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิม หรือ non-bank) และนอกภาคการเงิน (เช่น บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (BigTech) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) หรือกิจการค้าร่วม (consortium)1) ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมขอจัดตั้ง Virtual Bank ได้ โดยไม่มีการแบ่งแยกหลักเกณฑ์การพิจารณาและกำหนดโควตาจำนวนใบอนุญาตตามประเภทผู้ขออนุญาตจัดตั้ง ว่าต้องเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจในภาคการเงิน และนอกภาคการเงินอย่างละเท่าใด แต่จะพิจารณาคัดเลือกผู้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank ทุกรายด้วยหลักเกณฑ์เดียวกัน ตามคุณสมบัติ ดังนี้
ทั้งนี้ทาง ธปท. ไม่อนุญาตให้ Virtual Bank จัดตั้งสาขาหรือมี ATM/CDM ของตนเอง อย่างไรก็ดี Virtual Bank สามารถให้บริการรับฝากเงิน (cash-in) และถอนเงิน (cash-out) ผ่านตัวแทนทางการเงิน (banking agent) หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการอื่น เช่น ATM pool ได้
จากตัวอย่างในต่างประเทศพบว่า Virtual Bank จะทยอยออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินตามความพร้อม โดยเริ่มจากการรับฝากเงิน การโอน/ชำระเงิน และการให้สินเชื่อ ก่อนให้บริการประเภทอื่น
รวมทั้ง Virtual Bank ถือเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ผู้ฝากเงินใน Virtual Bank จึงจะได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ Virtual Bank มีหน้าที่นำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากในอัตราที่กำหนดเช่นเดียวกับสถาบันการเงินอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันกำหนดที่ 0.01% ต่อปี ของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง
ธปท. ได้จัดทำเอกสารรับฟังความคิดเห็น (consultation paper) เรื่องการเปิดให้มีผู้ให้บริการประเภทใหม่ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) เพื่อให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การให้บริการดิจิทัล และการใช้ข้อมูลที่หลากหลายมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เข้ามาให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล ด้วยต้นทุนด้านพนักงาน อาคารและสถานที่ที่ลดลง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและครบวงจรขึ้น
รวมถึงช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้บริการรายย่อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงินอย่างเพียงพอหรือตรงความต้องการ
เพื่อให้ Virtual Bank ที่จะเปิดให้บริการสามารถพัฒนานวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (responsible innovation) และประกอบธุรกิจในรูปแบบที่ยั่งยืน โดยไม่กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่ส่งเสริมการก่อหนี้เกินตัว และไม่เอื้อประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องหรือใช้อำนาจตลาดเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้อง จนกระทบเสถียรภาพระบบการเงิน ผู้ฝากเงิน และผู้บริโภคในวงกว้างนั้น ธปท. ได้กำหนดแนวทางสำหรับการอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank ดังนี้
ให้ Virtual Bank สามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปได้
ผู้ขอจัดตั้ง Virtual Bank จะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม อาทิ มีรูปแบบธุรกิจที่ตอบโจทย์เป้าหมายข้างต้นได้อย่างยั่งยืน มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้บริการดิจิทัล และการใช้ข้อมูลที่หลากหลาย
ให้ Virtual Bank ปฏิบัติตามเกณฑ์การกำกับดูแลเช่นเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน โดย ธปท. จะกำกับ Virtual Bank ตามระดับความเสี่ยง ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลและวัฒนธรรมด้านความเสี่ยง (risk culture) รวมถึงความต่อเนื่องในการให้บริการของระบบ IT ประสิทธิภาพในการดูแลลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และความเหมาะสมของการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก
ให้การดำเนินกิจการในช่วงแรกเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด (phasing) เพื่อให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างมั่นคงและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงิน
ทั้งนี้ เพื่อให้มี Virtual Bank ในประเทศไทยที่บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้นและตอบโจทย์ความต้องการของภาคการเงินอย่างแท้จริง ธปท. จึงขอเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่ง ธปท. จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับมาประกอบการจัดทำหลักเกณฑ์การอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank ต่อไป
ไตรมาสที่ 1 ปี 66
ไตรมาสที่ 2 - 3 ปี 66
ไตรมาสที่ 4 ปี 66 ถึง ไตรมาสที่ 2 ปี 67
ไตรมาสที่ 3 ปี 67 ถึง ไตรมาสที่ 2 ปี 68
ในช่วงเริ่มต้นจะมีผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง ไม่เกิน 3 ราย เพื่อให้สามารถกระตุ้นการแข่งขันในสถาบันการเงินได้อย่างเหมาะสมและไม่มากเกินจนกระทบเสถียรภาพของระบบการเงินและระบบสถาบันการเงิน เพื่อให้ ธปท. สามารถกำกับดูแลได้อย่างเหมาะสม
ในหลายประเทศได้ออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank และดำเนินธุรกิจไปบ้างแล้ว เช่น บราซิล สหราชอาณาจักร มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน เกาหลีใต้
สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจของ Virtual bank ในต่างประเทศ เช่น บัญชีเงินฝากที่ไม่มีสมุดคู่ฝากโดยให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป และอาจได้รับดอกเบี้ยเป็นรายวัน มี AI (Artificial Intelligence) ที่ช่วยประมวลผลพฤติกรรม แนะนำการออมและการใช้จ่ายให้เหมาะกับวิถีชีวิตของผู้ฝาก มีบริการสินเชื่อที่ผู้กู้ไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้ และได้รับอนุมัติอย่างรวดเร็ว
รวมถึงมีบริการเพื่อ SMEs รายย่อย อย่างบริการเชื่อมบัญชีเงินฝากกับระบบทำบัญชีออนไลน์และระบบการออกใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัล เพื่อช่วยให้ SMEs รายย่อยสามารถบริหารการเงินได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ลองมาดูตัวอย่าง Virtual Bank ในต่างประเทศกัน
Nubank เป็นธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาเจ้าแรกๆ ในบราซิล มีเงินทุน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 49,500 ล้านบาท และมีลูกค้า 35 ล้านคน โดยเริ่มจากการให้บริการบัตรเครดิตที่ไม่คิดค่าธรรมเนียม และยังคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ถึงครึ่งหนึ่ง รวมถึงมีการออกแบบแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และได้ขยายการให้บริการในด้านอื่นๆ ทั้งบัญชีเงินฝากดิจิทัล บัตรเดบิต และสินเชื่อส่วนบุคคล
Starling Bank ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาแห่งแรกของสหราชอาณาจักร มีฐานลูกค้ากว่า 2.7 ล้านคน ให้บริการทางการเงินแก่ธุรกิจขนาดเล็กและประชาชนทั่วไป โดยมีการ Customize ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เหมาะกับผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่ม ช่วยให้ผู้ใช้บริการจัดการบัญชีเงินฝากของตนเองผ่านแอปพลิเคชันได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ มีการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์แบบเรียลไทม์เมื่อมียอดเงินเข้าออก สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบอัตโนมัติ รวมถึงการใช้งานในต่างประเทศโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และให้บริการแบบ 365/24/7 อีกด้วย
Kakao Bank ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ มีจำนวนลูกค้ากว่า 17 ล้านคน และมีผู้ใช้งานถึง 11 ล้านคนต่อเดือน โดยมีฐานลูกค้าเดิมที่ต่อยอดมาจาก Kakao Talk ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันคล้ายกับ LINE ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ Kakao Bank ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย โดยคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่า ให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิม และยังไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับบริการด้านอื่นๆ รวมถึงออกแบบการใช้งานที่น่าดึงดูดและใช้งานง่าย ทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
จากทิศทางของระบบการให้บริการทางการเงินที่มีแนวโน้มเป็น Virtual Bank มากขึ้น แนะนำให้ผู้บริโภคเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ดังนี้
หลังจากนี้เราก็คงต้องมาติดตามกันว่าในประเทศไทยเมื่อ ธปท. ได้อนุญาตให้สามารถจัดตั้งได้จริงแล้วนั้น จะมีรายใดได้ใบอนุญาตบ้าง ? และ Virtual Bank จะมาเปลี่ยนโลกการเงินในปัจจุบันได้อย่างไร รวมทั้งผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพมากน้อยแค่ไหน ? ซึ่งหากดูในต่างประเทศจะเห็นได้ว่า Virtual Bank ไม่ใช่เรื่องใหม่ และในเอเชียมี Virtual Bank ที่ให้บริการแล้วอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งผู้บริโภคก็ได้รับบริการที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ดังนั้นคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Virtual Bank ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในวันที่ "สาขา" อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป....
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด