Walt Disney ระดมกำลังศึกษาและจ้างงานตำแหน่งด้าน AI พร้อมใช้ยกระดับการสร้างภาพยนตร์​ และในสวนสนุก | Techsauce

Walt Disney ระดมกำลังศึกษาและจ้างงานตำแหน่งด้าน AI พร้อมใช้ยกระดับการสร้างภาพยนตร์​ และในสวนสนุก

Walt Disney เจ้าของสวนสนุกและสื่อบันเทิงระดับโลกได้ระดมทีมเฉพาะกิจ เพื่อหาแนวทางการเอา AI มาใช้ 

พร้อมเปิดรับสมัครที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning ทั้งหมด 11 ตำแหน่ง เข้าไปทำงานในทุกภาคส่วนธุรกิจ ตั้งแต่ Walt Disney Studios ไปจนถึง สวนสนุก รวมถึงกลุ่มวิศวกรรมของบริษัท Walt Disney Imagineering สื่อโทรทัศน์ และแผนกโฆษณา  ซึ่งมีความต้องการสร้างระบบโฆษณาแบบใหม่ที่ใช้ AI 

ภาพจาก : Disney

AI ช่วยพลิกโฉมวงการสื่อดั้งเดิมอย่าง Disney ยังไง

แหล่งข่าวภายในเผยว่า สื่อดั้งเดิมอย่าง Disney ต้องรีบทำความเข้าใจเทคโนโลยีนี้ก่อนจะตกขบวน และเพื่อลดต้นทุนการผลิตภาพยนตร์และสื่อบันเทิงที่มีต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ 

โดยปกติแล้วการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จะมีค่าใช้จ่ายราวๆ 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เช่น The Little Mermaid และเมื่อผลิตออกมาแล้วก็ต้องทำรายได้ให้สูงกว่าต้นทุนการผลิต การนำ AI มาใช้ จึงอาจตอบโจทย์ในเรื่องนี้

ความเห็นจากอดีตทีมงานใน Walt Disney Imagineering มองว่า AI และ Machine Learing เป็นส่วนสำคัญที่จะนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Disney ให้มีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น เช่นใน Project Kiwi ซึ่งใช้เทคโนโลยี Machine Learning สร้างหุ่นยนต์ Baby Groot ให้ขยับได้อย่างอิสระ และมีคาแร็คเตอร์แบบในหนัง Guardians of the Galaxy 

อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่อง AI ยังคงเป็นกระแสต่อต้านจากนักเขียนบท นักแสดง และ ผู้ประกอบอาชีพ สื่อบันเทิงในวงการฮอลลีวูด และกำลังเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาสัญญากับ Screen Actors Guild และ Writers Guild of America ซึ่งทั้งสองกำลังหยุดงานประท้วง

Disney ไม่เคยทิ้งเทคโนโลยี

Walt Disney ลงทุนในด้านเทคโนโลยีตั้งแต่ในปี 1928 ด้วยการเปิดตัวเรื่อง "Steamboat Willie" ซึ่งเป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่ใช้เทคโนโลยี synchronized soundtrack

โดยเฉพาะกับหัวเรือคนใหม่หน้าเก่า Bob Iger ที่กลับมานั่งเก้าอี้ CEO เป็นครั้งที่ 2 ก็พร้อมเปิดรับเทคโนโลยี และให้ความสำคัญกับมันตั้งแต่รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO ครั้งแรกในปี 2005 ซึ่ง 3 ปี ให้หลังาบริษัทได้ประกาศความคิดริเริ่มด้านการวิจัยและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก 

มีการให้ทุนสนับสนุนห้องปฏิบัติการที่ Swiss Federal Institute of Technology ในเมืองซูริก และมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ในเมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย แต่ก็ปิดทำการในปี 2018 

กลุ่มนักวิจัยของดิสนีย์ในสหรัฐฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยี mixed-reality ที่เรียกว่า “Magic Bench” ที่ช่วยให้ผู้คนใช้พื้นที่ร่วมกับตัวละครเสมือนจริงบนหน้าจอโดยไม่ต้องใช้แว่นตา

นอกจากนี้ Disney ยังมีเทคโนโลยี Medusa performance capture system  ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อ สร้างใบหน้าของนักแสดงโดยไม่ต้องใช้เทคนิคการจับการเคลื่อนไหวเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์มากกว่า 40 เรื่อง รวมถึง “Black Panther: Wakanda Forever” ของ Marvel Entertainment

Disney Research ในประเทศสวิสเซอแลนด์ ได้ทำการวิจัยด้าน AI มาเป็นระยะเวลาหนึ่งและใช้เวลากว่า ทศวรรษในการสร้าง Digital Human ขึ้นมาสำหรับให้นักแสดงสวมบทเป็นตัวละครแฟนตาซี

แต่ถึงอย่างนั้นการวิจัยและพัฒนาด้าน AI ของ Disney ก็ไม่ได้เดินไปข้างหน้าเท่าที่ควรหรือ วนอยู่กับที่เลยก็ได้ การประกาศระดมกำลังศึกษาและเพิ่มตำแหน่งงานด้าน AI จึงอาจเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญแม้ในตอนนี้จะมีเสียงต่อต้านก็ตาม

ที่มา : CNBC

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ Nike เผย 3 สิ่งที่ทำบริษัทพลาดมาตลอดจนทำให้ไนกี้ไม่เหมือนเดิม

ปลายปี 2024 ที่ผ่านมา Nike เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นคือ การลาออกของ John Donahole ในตำแหน่งซีอีโอ และได้ลูกหม้ออย่าง Elliott Hill ที่เริ่มทำงานกับ Nike มาอย่างยาวนานขึ้นมารับ...

Responsive image

กูเกิลปรับนิยาม "Googleyness" ใหม่ ซีอีโอเน้นกล้าคิด กล้าทำ มีเป้าหมาย เป็นคุณสมบัติที่มองหา

"Googleyness" คำที่เคยใช้อธิบายความเป็นกูเกิล ได้รับการปรับความหมายใหม่ในปี 2024 โดย Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลเอง เพราะที่ผ่านมาคำนี้ค่อนข้างกว้างและไม่ชัดเจน ในการประชุม Pich...

Responsive image

ญี่ปุ่นคิดค้น ‘เครื่องอาบน้ำมนุษย์’ อาบและเป่าแห้งเพียง 15 นาที

หมดข้ออ้างขี้เกียจอาบน้ำแล้ว บริษัท Science Co. ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหัวฝักบัวจากญี่ปุ่น ได้เปิดตัว “เครื่องซักมนุษย์แห่งอนาคต” หรือ Mirai Ningen Sentakuki...