โควิดเดลตาพลัส อีกเวอร์ชั่นการกลายพันธุ์ของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า (B.167.2) ที่ขึ้นแท่นเป็นสายพันธุ์หลักน่ากังวลระดับโลก ที่นอกจากจะแพร่กระจายไปรวดเร็วกว่า 80 ประเทศทั่วโลกแล้ว ความรุนแรงของเชื้อไวรัสก็สร้างผลกระทบมหาศาลต่อระบบสาธารณสุขในหลายประเทศ แม้แต่ประเทศไทยเองมีรายงานว่าพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าแพร่กระจายไปทั่ว 25 จังหวัด และกรุงเทพฯ พบคนติดเชื้อสายพันธุ์เดลตามากที่สุดถึง 491 ราย (รายงานเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 64)
ขณะนี้ ทั่วโลกก็ได้จับตามองไปยังการกลายพันธุ์ครั้งใหม่ของสายพันธุ์เดลต้า โดยมีชื่อว่า สายพันธุ์เดลต้าพลัส (Delta Plus) หรือ AY.1 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียได้ประกาศการกลายพันธุ์ว่าอยู่ในระดับที่น่ากังวล ไปไม่กี่วันที่ผ่านมา มาทำความรู้จักกันว่า สายพันธุ์เดลต้าพลัสมีความแตกต่างจากสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างไร รุนแรงแค่ไหน แล้วผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขให้ความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
โควิดเดลต้าพลัส เป็นสายพันธุ์ย่อยของเดลต้าที่เกิดจากการกลายพันธุ์ส่วนหนามโปรตีนที่ตำแหน่ง K417N ส่งผลให้เชื้อไวรัสจับกับเซลล์บนปอดได้แน่นขึ้น ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และมีศักยภาพในการหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกัน ขณะนี้เป็นที่ทราบกันว่า สายพันธุ์เดลต้าพลัสได้เปลี่ยนจากระดับสายพันธุ์ที่น่าสนใจ (variant of interest) มาอยู่ในระดับสายพันธุ์น่ากังวล (variant of concern)
เชื้อไวรัสกลายพันธุ์เดลตาพลัส ค้นพบครั้งแรกในยุโรป และเริ่มแพร่ระบาดในอินเดีย แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะฟันธงไม่ได้ว่าสายพันธุ์นี้เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวกว่าสายพันธุ์ก่อน ๆ เพราะหลักฐานทางการแพทย์ที่มีอยู่นั้นยังไม่เพียงพอต่อการประเมินความรุนแรงของสายพันธุ์ แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจส่งผลทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในอินเดียระลอกที่สองในฤดูร้อนนี้ป้องกันยากขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของประสิทธิภาพวัคซีนต่อเดลต้าพลัส เบื้องต้นจากสื่อท้องถิ่นของอินเดีย Hindustan Times เผยว่าเนื่องจากไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์ที่พึ่งเกิดใหม่ จึงไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าวัคซีนที่มีอยู่เดิมนั้นจะป้องกันได้ดีเพียงใด แต่ถ้าอ้างอิงจากสายพันธุ์เดลต้าเดิม หน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่าวัคซีนจากผู้ผลิต Pfizer และ AstraZeneca ได้ให้ประสิทธิภาพป้องกันอาการติดเชื้อไม่ให้หนักกว่าเดิมได้ถึง 90%
กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย เผยว่าได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรายใหม่ที่เชื้อได้กลายพันธุ์เป็นเดลต้าพลัสราว 40 ราย และได้ระบุว่าขณะนี้พบสายพันธุ์ดังกล่าวในรัฐมหาราษฎร์ เกรละ และมัธยประเทศ
นอกจากนี้ในข้อมูลที่รายงานประจำวันที่ 16 มิ.ย. มีการค้นพบเชื้อไวรัสเดลต้าพลัสในสหรัฐฯ 83 ราย และประเทศอื่นๆที่เริ่มพบเห็นการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าพลัส ได้แก่ สหราชอาณาจักร แคนาดา อินเดีย ญี่ปุ่น เนปาล โปแลนด์ โปรตุเกส รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ และตุรกี
ในส่วนของประเทศไทย ยังไม่พบการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามก็ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากเว็บไซต์ขององค์กร Science Media Centre ของสหราชอาณาจักร ได้มีความคิดเห็นไปในทิศทางที่ว่าเป็นไวรัสที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ และขณะนี้การแพร่ระบาดยังไม่ถึงขั้นที่ต้องน่ากังวล
โดย David Robertson ศาสตราจารย์สาขาวิชาไวรัสวิทยาและชีวสารสนเทศจากมหาวิทยาลัย Glasglow กล่าวถึงไวรัสสายพันธุ์นี้ว่า ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าสายพันธุ์เดลต้าพลัสจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้าอย่างไร เพราะเป็นเพียงการกลายพันธุ์ในส่วนของหนามโปรตีน K417N ชนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งเบื้องต้นถ้าอ้างอิงจากสายพันธุ์เดลต้าเดิมก็จะพบว่าระบาดง่ายกว่าและเป็นสายพันธุ์หลักที่ครอบคลุมทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
ด้าน Francois Balloux ศาสตราจารย์ด้านชีวสารสนเทศศาสตร์และผู้อำนวยการของสถาบันพันธุศาสตร์ (Genetics Institute) ของมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน (UCL) ได้ให้ความคิดเห็นต่อสายพันธุ์เดลต้าพลัสว่า ยังไม่อยู่ในระดับที่น่ากังวลเท่าไรนัก แม้ว่าจะมีการค้นพบในหลายประเทศ แต่อัตราส่วนของผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำมาก ยกเว้นประเทศเนปาลที่ได้ประเมินสัดส่วนของผู้ติดเชื้อเดลต้าพลัสไว้ที่ราว 4% ทั้งนี้ สัดส่วนการแพร่เชื้อของเดลต้าพลัสเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ทั่วโลกสะท้อนอยู่ที่ราว 0.00002% และยังไม่มีหลักฐานการแพร่เชื้อที่ชัดเจนในประเทศต่าง ๆ
https://www.bbc.com/news/world-asia-india-57564560
https://www.cnbc.com/2021/06/24/delta-plus-covid-variant-heres-what-you-need-to-know.html
https://www.prachachat.net/general/news-698260#google_vignette
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด