Whoscall แอปพลิเคชันชื่อดัง ออกโรงเตือนภัยมิจฉาชีพ! รายงานล่าสุดจากองค์กรต่อต้านกลโกงระดับโลก (GASA) เผยสถิติสุดช็อค พบกว่า 28% ของคนไทย หรือ 1 ใน 4 ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แถมความถี่ในการเผชิญหน้ากับกลโกงยังเพิ่มสูงขึ้น โดย 89% ต้องรับมือกับมิจฉาชีพอย่างน้อยเดือนละครั้ง!
ไม่ใช่แค่ความถี่ที่เพิ่มขึ้น แต่ความเสียหายก็หนักหน่วงขึ้นเช่นกัน รายงานระบุว่า เหยื่อแต่ละรายต้องสูญเงินให้มิจฉาชีพเฉลี่ยสูงถึง 1,106 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,000 บาท
โดยกว่า 39% ถูกหลอกเอาเงินไปภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหลังจากถูกมิจฉาชีพติดต่อ! น่าตกใจกว่านั้นคือ มีเพียง 2% เท่านั้นที่ได้ทรัพย์สินคืนทั้งหมด
ถึงแม้คนไทยกว่า 55% จะมั่นใจว่ารู้ทันกลโกง แต่ก็ยังตกเป็นเหยื่ออยู่ดี นั่นเป็นเพราะมิจฉาชีพปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา โดยช่องทางยอดฮิตยังคงเป็นการโทรศัพท์และส่งข้อความ ตามมาด้วยโฆษณาออนไลน์ แอปพลิเคชันส่งข้อความ และโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเฉพาะ Facebook และ Line ที่มีผู้ตกเป็นเหยื่อมากที่สุด
กลโกงที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ คือ การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล โดยมิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อหลอกเอาข้อมูล คิดเป็น 22% ของกลโกงทั้งหมด แซงหน้าการหลอกลวงให้ซื้อสินค้า (19%) การออกใบแจ้งหนี้ปลอม (16%) และการหลอกให้ลงทุน (14%)
นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ก็ถูกนำมาใช้ในการสร้างข้อความ บทสนทนา และแม้กระทั่งเสียง เพื่อเพิ่มความแนบเนียนในการหลอกลวง โดย 66% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าเคยได้รับข้อความที่เขียนโดย AI
ผลสำรวจจพบว่ากว่า 1 ใน 3 หรือ 39% สูญเสียเงินภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพ โดยมีเหยื่อเพียง 2% ได้เงินที่ ถูกหลอกไปคืนทั้งหมด แต่มีเหยื่อมากถึง 71% ไม่สามารถนำเงินที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้ และ 73% ระบุว่าได้รับ ผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงหลังจากถูกหลอก
ภัยมิจฉาชีพเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องระวัง แม้จะพยายามป้องกันตัวแล้วก็ยังมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ ดังนั้น เราควรหมั่นอัปเดตความรู้เกี่ยวกับกลโกงใหม่ๆ อยู่เสมอและที่สำคัญ ต้องมีสติ คิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำธุรกรรมใดๆ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด