พนักงานเดลิเวอรี่ในนิวยอร์ก ไม่พอใจกับค่าแรงขั้นต่ำ ชี้ไม่พอกับค่าครองชีพในแต่ละวัน | Techsauce

พนักงานเดลิเวอรี่ในนิวยอร์ก ไม่พอใจกับค่าแรงขั้นต่ำ ชี้ไม่พอกับค่าครองชีพในแต่ละวัน

นครนิวยอร์กออกกฎหมายใหม่ กำหนดอัตราค่าจ้างใหม่กับแอปส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เป็น 18 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 623 บาทต่อชั่วโมง แต่ฝั่งพนักงานยังไม่พอใจ ชี้ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

ต้องมากกว่านี้

นครนิวยอร์กออกกฎหมายกำหนดอัตราค่าจ้างสำหรับแอปสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ไม่ว่าจะเป็น Uber Eats, DoorDash, Grubhub และ Relay ขึ้นเป็น 17.96 หรือ 18 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง หรือ 623 บาทต่อชั่วโมง

โดยปกติแล้วค่าแรงของพนักงานจะอยู่ที่ 7.09 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งก็มีกลุ่มพนักงานส่งอาหาร กลุ่มนึงที่สนับสนุนกับนโยบายขึ้นอัตราค่าจ้างเป็น 18 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง 

บริษัทที่ใช้พนักงานส่งของจะได้เลือกระหว่างตัวเลือกอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ใน 2 แบบที่กฎหมายของเมืองนิวยอร์กระบุไว้ โดยตัวเลือกแรกบริษัทต่างๆ ต้องจ่ายค่าจ้างให้คนงานอย่างน้อย 17.96 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงแบบไม่รวมทิป และเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับแอป รวมถึงเวลารอรับงาน 

หากขึ้นอัตราค่าจ้างที่ 17.96 ถึง 18 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง แล้วคิดอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 19.96 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

แน่นอนว่าการขึ้นอัตราค่าจ้างครั้งนี้จะมีผู้เห็นต่างเช่นกัน กลุ่มพนักงาน, แรงงาน และ นักกิจกรรมสิทธิแรงงาน  ระบุว่าอัตราค่าจ้าง 18 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย สำหรับใช้ชีวิตในเมืองนิวยอร์ก เพราะเมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วก็เหมือนกับได้รับค่าจ้างราวๆ 13 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงอยู่ดี 

นอกจากนี้ยังมองว่าทางการนครนิวยอร์กนั้นตัดสินใจช้าเกินไปถึง 6 เดือน เกี่ยวกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำนี้สำหรับพนักงานส่งอาหาร อีกทั้งกฎที่แก้ไขนั้นมีการปรับลดสูตรการจ่ายเงินที่เสนอในตอนแรก ซึ่งเสนอค่าแรงขั้นต่ำ 24 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว 

งานเพิ่มขึ้นหรือแทบไม่ได้ทำงาน

ในขณะเดียวกันบริษัทต่าง ๆ ให้เหตุผลว่าการตัดสินใจกำหนดอัตราค่าจ้างครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อ การจ้างพนักงานส่งของ 

โฆษกจาก DoorDash และ Grubhub การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะทำให้บริษัทต้องดำเนินการ เปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มที่อาจทำให้คนรับงานแบบเต็มเวลาหรือทำงานแบบ Part-time ลดลง 

เมืองนี้กำลังโกหกกับพนักงานส่งอาหาร พวกเขาต้องการให้แอปพลิเคชันเป็นแหล่งทุนในการเพิ่มค่าจ้าง ด้วยการลดงานและลดการให้ทิปกับคนงาน ขณะเดียวกันก็บังคับให้คนงานที่เหลือต้องส่งอาหารให้เร็วมากขึ้น

                                          Josh Gold โฆษก Uber กล่าว 

ถึงอย่างนั้นการรับงานผ่านแอปพลิเคชั่นก็ยังเป็นช่องว่างในการรับงานสลับกันระหว่างแอปพลิเคชั่น โดยในกรณีนี้เรียกว่า “Dirty Apping” เหตุผลก็เพื่อให้สามารถรับงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

เพราะการกระทำแบบนี้ด้วยเช่นกันที่ทำให้แพลตฟอร์มส่งอาหารต่างๆต้องปรับเปลี่ยนระบบเพื่อไม่ให้พนักงานสามารถรับงานสลับแอปพลิเคชั่นกันได้ง่ายขึ้น

Dr.Parrott ซึ่งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับค่าจ้างพนักงานส่งของ กล่าวว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าการขึ้นค่าจ้าง จะเปลี่ยนภูมิทัศน์การส่งอาหารในนิวยอร์ก แต่คาดการณ์ว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จำนวนพนักงานส่งของในเมืองเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาด จากที่มีคนงานประมาณ 25,000 ถึง 30,000 คนในปี 2019 แต่ตอนนี้กลับมีมากกว่า 60,000 คนในปัจจุบัน

โดย Dr.Parrot มองว่า บริษัทขนส่งมีส่วนต่างมากพอที่จะช่วยชดเชยการขึ้นค่าจ้างเพราะเมื่อปีที่แล้ว พนักงานทำเงินได้ประมาณ 4.32 ดอลลาร์ต่อการจัดส่ง 1 ครั้งและไม่รวมทิป ในขณะที่บริษัทขนส่ง ทำกำไรได้ถึง 4.19 ดอลลาร์โดยเฉลี่ย 

ที่มา :TechCrunch, The New York Time

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Whoscall เผย 89% ของคนไทย เจอมิจฉาชีพทุกเดือน! สถิติภัยมิจฉาชีพพุ่ง

Whoscall แอปพลิเคชันชื่อดัง ออกโรงเตือนภัยมิจฉาชีพ! รายงานล่าสุดจากองค์กรต่อต้านกลโกงระดับโลก (GASA) เผยสถิติสุดช็อค พบกว่า 28% ของคนไทย หรือ 1 ใน 4 ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในช่วง 1 ปี...

Responsive image

Meta ท้าชน Sora เปิดตัว Movie Gen หรือ AI สร้างวิดีโอตัวใหม่

ล่าสุด Meta เปิดตัว Movie Gen เครื่องมือสร้างวิดีโอด้วย AI โดยทาง Meta ได้ประกาศเรื่องนี้หลังจาก OpenAI เปิดตัวโมเดลสร้างวิดีโอจากข้อความชื่อว่า Sora เมื่อไม่กี่เดือนก่อน อย่างไรก็...

Responsive image

จับตาลงทุนในจีน รัฐบาลเตรียมลดภาษี พร้อมปรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน หรือ NDRC เตรียมจัดแถลงข่าวครั้งสำคัญ โดยมีวาระสำคัญคือการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนทั่วโลกที่กำลังจั...