ZORT สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มบริหารจัดการออเดอร์และสต๊อกครบวงจรเจ้าแรกของไทยคว้าเงินทุน Series A 55 ล้านบาท จาก Krungsri Finnovate, Buzzebees และนักลงทุนอิสระ อีกทั้งยังเป็น สตาร์ทอัพรายแรกที่กองทุน Finnoventure Fund เลือกลงทุน
โดยการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อเตรียมนำแพลตฟอร์มบริหารจัดการการขายสินค้าครบวงจรบุกตลาดอาเซียน ด้วยจุดเด่นการสร้างระบบนิเวศด้านการขายจัดการทุกออเดอร์จากทุกแพลตฟอร์มมาไว้ในที่เดียว ดูแลธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจรทั้งจัดการออเดอร์ จัดการสต๊อก จัดการขนส่ง จัดการระบบรับชำระเงิน รวมถึงระบบจัดการบัญชี พร้อมให้ธุรกิจเติบโตแบบมืออาชีพ ด้วยค่าบริการจับต้องได้เริ่มต้นเพียงเดือนละ 99 บาท หนุนแม่ค้าออนไลน์โตไวด้วยฐานข้อมูล เรียกดูได้ย้อนหลังทั้ง ยอดขาย ต้นทุน และรายการสินค้าขายดี มั่นใจหลังเพิ่มทุนช่วยขยายฐานลูกค้าได้ถึง 18,000 ร้านค้าภายใน 3 ปี
คุณสวภพ ท้วมแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด (ZORT) แพลตฟอร์มบริหารจัดการออเดอร์และสต๊อกครบวงจร (Seller Management Platform) กล่าวว่า ZORT ระบบจัดการออเดอร์และสต๊อกคือ ระบบจัดการร้านค้าแบบใหม่ที่ให้ “มากกว่าการจัดการออเดอร์และสต๊อก” ZORT ถูกออกแบบมาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ค่อนข้างง่าย มีระบบแสดงผลที่เข้าใจง่ายเหมาะกับพ่อค้า แม่ค้าในยุค 5G นี้
นอกจากนี้ ZORT ยังช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจทั้งในรูปแบบตัวเงิน และในรูปแบบเวลา ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆภายใน ระบบ ZORT ที่ช่วยสร้าง ECOSYSTEM ให้ระบบการขายของทั้งออนไลน์และออฟไลน์ตั้งแต่ระบบ Inventory,ระบบเชื่อมต่อร้านค้า, ระบบ Logistic,ระบบ Fulfillment,ระบบ Payment Gateway ไปจนไปถึงระบบบัญชี ที่สะดวกที่สุด ครบที่สุด “ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
นอกจากนี้ ZORT ยังมีบริการฟีเจอร์ใหม่ๆคอยอัพเดตอยู่ตลอดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานในการขายสินค้าและบริการแบบ Up to Trend ทำให้ลูกค้าไม่พลาดทุกเทรนด์ใหม่ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ธุรกิจเติบโตไร้ขีดสุดไปกับ ZORT Scale your business!
ทั้งนี้ คุณสวภพ กล่าวต่อไปว่า การซื้อขายออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 เกิดการล็อกดาวน์หลายครั้งทำให้ผู้คนหันมานิยมการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งยังทำให้เกิดแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่ขึ้นมาในช่วงนั้นอย่างมาก
จากการเก็บข้อมูลของ ZORT พบว่าลูกค้ามีการเติบโตของยอดขายโดยเฉลี่ย 300% ในช่วงเวลาย้อนหลัง 3 ปีหลังจากที่ใช้ระบบของเรา และช่วยลดต้นทุนธุรกิจกว่า 30% ทำให้เห็นว่าระบบการจัดการร้านค้าออเดอร์และสต๊อกออนไลน์มีบทบาทสำคัญอย่างมีนัยยะในการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ จากแนวโน้มการเติบโตของการซื้อ- ขายออนไลน์ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ZORT เติบโตควบคู่ไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ตั้งใจพา Zort ให้ก้าวสู่ Seller Management Platform
ซึ่ง ZORT เป็นระบบจัดการออเดอร์ และสต๊อกแบบครบวงจรเจ้าแรกในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ปี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน ทั้งเงินทุน ความรู้ และ Connection ต่างๆ ทำให้มีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ให้บริการร้านค้ากว่า 3,000 ร้านค้า มีออเดอร์ ที่ลูกค้ามาบันทึกในระบบมากกว่า 8.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นจำนวนรายการมากกว่า 45 ล้านรายการ
ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Customer Centric ที่เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่านการนำฟีดแบ็กของลูกค้าเข้ามาพัฒนาต่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้แพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการใช้ได้อย่างครบวงจรและตอบโจทย์มากที่สุด เหมือนเป็นสะพานให้ผู้ประกอบการสเกลธุรกิจได้ สำหรับกลุ่มที่โฟกัสคือกลุ่มที่มีสินค้าจริง โดยเป็นกลุ่ม Trading เป็นหลัก
โดยบริการทั้งหมดเพื่อแก้ไขจุดอ่อนทางธุรกิจ ของการขายของออนไลน์ และออฟไลน์ โดยเฉพาะการเปิดร้านค้าผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น Lazada, Shopee, JD central, Facebook หรือ Line เป็นต้น ซึ่งทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบโจทย์ทั้งหมด ZORT จึงรวบรวมการขายของจากหน้าร้านทุกแพลตฟอร์มและหน้าร้านแบบออฟไลน์มาไว้ที่เดียว
ทั้งระบบจัดการคลังสินค้า จัดการออเดอร์ จัดการสต๊อก จัดการขนส่ง จัดการระบบรับชำระเงิน รวมถึงฟีเจอร์ส่งเสริมการขายจำนวนมาก ที่พัฒนาจากความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงและการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อต่อยอดพัฒนาการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่ต้องการสนับสนุนการเติบโตของลูกค้า
เนื่องจากสามารถทราบถึงต้นทุนจากการขาย วิเคราะห์แนวโน้มกำไร เรียกดูข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับสถิติการขายของเจ้าของร้าน เช่น รายการสินค้าที่สร้างยอดขายได้ดี และรายการสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของ ZORT คือตั้งเป้าหมายในปี 2565 มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ร้านค้า ครอบคลุมร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม และขยายการให้บริการไปสู่ระดับอาเซียน รวมถึงตั้งเป้าหมายระดับ 3 ปี จะสามารถขยายฐานลูกค้าไปถึง 18,000 ร้านค้า
ขณะเดียวกันล่าสุด ZORT ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด และนักลงทุนอิสระ ในการเพิ่มทุนระดับ Series A โดยการระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ ZORT ได้รับเงินทุน 55 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอให้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการบุกตลาดอาเซียน และขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียนได้อย่างไม่ยาก
1.การพัฒนาโปรดักท์ โดยจะต้องจ้างนักพนักงานเพิ่ม เพื่อก้าวสู่ Seller management platform ทำให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตมากขึ้น และในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีก 1 เท่าตัว
2.การขยายตลาด ที่จะต้องใช้เงินทุนประมาณ 30% เพราะอีคอมเมิร์ซในไทยสามารถเติบโตได้อีกมาก ทำให้สามารถพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ตลาดในประเทศโดยจะเป็นตลาดต่างจังหวัดเพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ จากเดิมที่โฟกัสเพียงในกรุงเทพฯ รวมทั้งขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียนที่จะต้องใช้เงินทุนประมาณ 25%
3.การลงทุนในทีมงาน โดยจะใช้เงินทุนประมาณ 25% เนื่องจากธุรกิจขับเคลื่อนด้วยคน จึงต้องทำการจ้างทีมงานที่มี Talent เพิ่มโดยจะเป็นในส่วนของโปรแกรมเมอร์ ทีมการตลาด ทีมซัพพอร์ตลูกค้า จากปัจจุบันมีบุคลากรประมาณ 40 คน
สำหรับการบุกตลาดอาเซียน คุณสวภพ มองว่า ตลาดอาเซียนมีพฤติกรรมที่คล้ายกับตลาดในประเทศไทย การที่เราโฟกัสในตลาดอาเซียนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และมองว่าสามารถบุกตลาดได้ง่ายผ่านการจับมือกับพาร์ทเนอร์ ส่วนแผนการตลาดในระยะสั้นลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก จึงต้องการขยายสู่ลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น ผ่านการจับมือกับพาร์ทเนอร์
ด้าน คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ซึ่งถือเป็น Lead Investor ในครั้งนี้ กล่าวว่า นับเป็นการลงทุนที่สำคัญอีกครั้งของเรา เพราะนอกจากกรุงศรี ฟินโนเวต จะลงทุนในฐานะ CVC (Corporate Venture Capital) ที่มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ เพื่อต่อยอดความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของสตาร์ทอัพมาช่วยพัฒนาโซลูชันให้กับกลุ่มลูกค้า SME ของกรุงศรี พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้บริการแพลตฟอร์มของ ZORT
และครั้งนี้ยังเป็นการลงทุนในสตาร์ทอัพรายแรกของกองทุน Finnoventure Fund ที่กรุงศรี ฟินโนเวต เป็นผู้บริหารกองทุน ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเชื่อมต่ออีโคซิสเต็มส์ระหว่างนักลงทุนและกลุ่ม SME จำนวนมาก การลงทุนในครั้งนี้ยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ ZORT ในการขยายฐานลูกค้าและเติบโตไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการธุรกิจออนไลน์ในตลาดอาเซียนได้สำเร็จอีกด้วย
ส่วนการเห็นศักยภาพในการร่วมลงทุนในครั้งนี้ คุณแซม มองว่า จะเป็นการส่งเสริมศักยภาพอีคอมเมิร์ซเทคในประเทศไทย ทั้งที่ในช่วงโควิดที่ผ่านมาในอีโคซิสเต็มเติบโตอย่างมาก จึงเป็นที่มาที่ถือเป็นดีลแรกของกองทุน Finnoventure Fund มีหนึ่งในคีย์โฟกัสที่สำคัญคือ อีคอมเมิร์ซเทค ที่จะช่วยกิจการของ SME จึงต้องการใช้เครื่องมือในการขยายในเรื่องของธุรกิจให้มีช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเตรียมให้ Zort เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ได้ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้
รวมทั้งโอกาสในการก้าวสู่ยูนิคอร์น คุณแซมมองว่า Zort มีความเป็นไปได้ เพราะตลาดของ SME ของประเทศไทยและอาเซียนใหญ่มาก ดังนั้นหากตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดีจึงไม่ใช่เรื่องยาก เหลือเพียงทำให้ลูกค้า SME ในอาเซียนมาใช้ระบบได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น ดังนั้น โอกาสในการก้าวสู่ยูนิคอร์นจึงเป็นไปไม่ยาก
คุณณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่า ZORT ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่ม Ecosystem ให้กับร้านค้าออนไลน์ทำงานด้านบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย โดยการเข้าร่วมทุนของ Buzzebees ในฐานะผู้นำด้าน CRM & Loyalty Program ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดร่วมกันกับ ZORT เพื่อให้ร้านค้าออนไลน์ได้รับประโยชน์สูงสุดบน Ecosystem ที่ครอบคลุมมากขึ้น
ซึ่งจะต่อยอดในส่วนของการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM Solutions) ทำให้ร้านค้าออนไลน์มีฐานข้อมูลลูกค้าเป็นของตนเอง และทราบถึงพฤติกรรมของลูกค้าผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งเป็นบริการของ Buzzebees เช่น บน Line OA ทำให้สามารถสร้างแคมเปญได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละเซกเม้นท์ อีกทั้งยังสามารถนำสินค้ามาลงขายบนแพลตฟอร์มพันธมิตรของ Buzzebees ซึ่งมีกว่า 300 แพลตฟอร์ม นับเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้กับร้านค้า ขณะเดียวกัน Buzzebees ก็มีเน็ตเวิร์กเพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะช่วยสร้างยอดขายให้กับร้านค้าออนไลน์ได้ครอบคลุมมากขึ้น
ทั้งนี้ คุณณัฐธิดา เผยถึงการลงทุนใน Zort ว่า เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในโซลูชั่นของ Zort ที่เป็นอันดับหนึ่งในตลาด จึงจุดประกายให้เกิดการลงทุนในครั้งนี้ เพราะด้วยความที่อยู่ในบิซิเนสนี้จึงเข้าใจเทรนด์ ที่เป็นนีดในตลาด ดังนั้นสิ่งที่จะทำกับ Zort เหมือนกลยุทธ์ที่ผสานกันอย่างลงตัว
สำหรับ คุณโคบี้ บุญบรรเจิดศรี นักธุรกิจและนักลงทุน ที่เป็นอีกหนึ่งในผู้ที่เข้ามาเพิ่มทุนรอบ Series A ให้กับ ZORT กล่าวว่า การลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่เป็น Early Stage ถือว่ามีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากส่วนใหญ่นักธุรกิจสตาร์ทอัพจะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยแก้ปัญหาการทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆได้ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนธุรกิจให้กับกลุ่ม SME ในด้านอีคอมเมิร์ซถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอย่างน่าสนใจ เพราะในอนาคตอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นภาคธุรกิจที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับโลกอีกหนึ่งด้านที่สำคัญ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด