วิสัยทัศน์ของการก้าวสู่ยุคใหม่ของผู้ให้บริการ ด้านสุขภาพด้วย A.I. Digital Biomarker

ในช่วงปีที่ผ่านมา บริการการดูแลสุขภาพ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ซึ่ง Invitrace Company Limited ได้ร่วมทำงานกับบริษัทชั้นนำในไทยและระดับโลก โดยใช้เทคโนโลยี A.I. เข้ามาพลิกโฉมและทำลายขีดจำกัดอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ เพื่อการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของคนไข้ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าเดิม 

 วิสัยทัศน์ของการก้าวสู่ยุคใหม่ของผู้ให้บริการ ด้านสุขภาพด้วย A.I. Digital Biomarker

ปัจจุบันการใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT เช่น Smart watch ของคนไข้เป็นความท้าทายของเหล่าผู้ให้บริการการดูแลสุขภาพที่ต้องการจะทำให้ข้อมูลดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ และเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับนักวิจัย แพทย์ หรือแม้แต่ตัวคนไข้เองในการเข้าใจถึงสุขภาพและความเจ็บป่วยเฉพาะตัวบุคคลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งข้อมูลประเภทใหม่เหล่านี้เรียกว่าเป็น Digital Biomarker (ข้อมูลบ่งชี้ดัชนีทางชีวภาพแบบดิจิทัล ในชีวิตประจำวัน เช่น ข้อมูลก้าวเดิน, ข้อมูลการนอน, ข้อมูลความเครียด) 

Invitrace เชื่อว่า เมื่อ Digital Biomarker ผสมรวมกับความสามารถของ A.I. จะเป็นแนวทางในการปฏิวัติข้อมูลเหล่านั้น ให้กลายเป็นประโยชน์และสามารถใช้งานได้จริง และนั่นคือ บรรทัดฐานใหม่ของบริการด้านสุขภาพในไทยอีกด้วย  

คุณอภิวัฒน์ เฟื่องฟู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Invitrace ได้กล่าวอย่างน่าสนใจถึงการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่โลกในยุคดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างแท้จริงกับชีวิตของผู้คนหลังวิกฤติโรคระบาด ซึ่ง A.I. และการเก็บข้อมูลแบบดิจิทัลทั้งจากการรักษา และข้อมูลสุขภาพจากชีวิตประจำวัน จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการบริการด้านสุขภาพ โดยเฉพาะ Personalized Healthcare หรือ การดูแลสุขภาพแบบเจาะจงเฉพาะบุคคล 

แต่อย่างไรก็ตาม A.I. Digital biomarkers ยังคงต้องพิสูจน์ตนเองในหลายๆ ด้าน อย่างเช่น การขับเคลื่อนการบริการด้านสุขภาพด้วยฐานข้อมูล หรือ ประสิทธิภาพในการรักษาคนไข้ โดยเฉพาะคนไข้ในกลุ่มโรค NCDs ( กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน และอื่นๆ ) ที่จำเป็นต้องมีการรักษาในระยะยาว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเป้าหมายของ Invitrace ที่อยากจะสร้างการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ระหว่างประชาชนทั่วไปและผู้ให้บริการด้านสุขภาพ 

The Challenge of Digital Biomarkers 

แต่ก่อนที่เราจะเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง ยังคงมีความท้าทายอีกมาก ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้แก่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ การให้แรงจูงใจกับเหล่าเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผลประโยชน์ที่ลงตัวกับฝ่าย ดังนั้นก่อนจะเกิดจากลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าใน Digital biomarkers เราจึงต้องสร้างพันธมิตรและระบบนิเวศทางธุรกิจที่เข็มแข็งก่อน 

ซึ่ง Invitrace ต้องการจะเป็นกลุ่มแรกที่จะสู้เพื่อสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริงในไทยให้ได้ ปัจจุบัน Invitrace ได้ร่วมงานกับบริษัทด้านสุขภาพชั้นนำของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทด้านเภสัชกรรม บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทประกันภัย และรวมถึงกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ดร. กิตติภูมิ ศุภมนตรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรมและการวิจัย ได้กล่าวเพิ่มเติม จากการทำงานกับบริษัทชั้นนำต่างๆ พวกเราพุ่งเป้าไปยังการเชื่อมต่อฐานข้อมูลคนไข้ เข้ากับ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ และปัญญาประดิษฐ์ (A.I.) นั่นจึงจะเป็นยุคใหม่ของ Digital biomarker และการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะเมื่อเรานำข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ รวมเข้ากับเครื่องมือวิเคราะห์ พวกมันจะแสดงให้พวกเราเห็นรูปแบบ และแนวโน้มของสภาวะสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นแบบรายบุคคล หรือแบบภาพรวมของประชากรก็ตาม และข้อมูลเหล่านี้ควรเก็บผ่านนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลที่รัดกุม

คุณสุทธิพงศ์ พรรธนาลัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ได้กล่าวเสริม ด้วยความสามารถในการเก็บข้อมูลของอุปกรณ์ติดตามข้อมูลส่วนบุคคล สมาร์ทวอทช์ และโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน เราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นวิเคราะห์ด้วยข้อมูลทางการแพทย์ หากผลลัพธ์ออกมาว่า คนไข้มีเสี่ยงที่จะเกิดโรค คนไข้ก็จะได้รับการแจ้งเตือน เพื่อที่จะหาทางป้องกัน หรือเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลให้ทันท่วงที ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ มอบการรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยแต่ละรายในเวลาที่เหมาะสม 

และยังช่วยระบุและจัดการผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น หนึ่งในแพลตฟอร์มด้านสุขภาพของ Invitrace ที่มีการบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลก้าวเดิน ค่าดัชนีมวลกาย และความเสี่ยงที่จะเกิดโรค NCD ทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า พนักงานท่านใดมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาโรค NCD ในอนาคต

The action and future of Digital biomarkers

ในวงการแพทย์ การประเมินด้วยแบบสอบถามและการสังเกต ยังคงถูกใช้เป็นวิธีหลักในการวินิจฉัยหรือติดตามโรค อย่างไรก็ตาม Invitrace พยายามสร้างและผลักดันระบบ AI-driven digital biomarkers prediction ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่สิ่งนี้ จะช่วยขยายขีดจำกัดการใช้ข้อมูล Biomarker ให้มีประโยชน์มากขึ้นกว่าปัจจุบัน และยังช่วยเพิ่มศักยภาพของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลอีกทางหนึ่ง 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา Invitrace ได้นำนวัตกรรมของพวกเขาออกมาเปิดตัวเป็นซุปเปอร์แพลตฟอร์ม จนประสบความสำเร็จในวงกว้าง ทั้ง iTele Virtual hospital engine (ระบบโทรเวชทางไกล), WellScreen risk screening platform (แพลตฟอร์มตรวจคัดกรองความเสี่ยง), WellLife employee wellbeing platform (แพลตฟอร์มสำรวจสุขภาวะการทำงานของพนักงาน) 

และ WellBeat EKG interpretation assistant (ระบบช่วยแปลภาษาสำหรับเครื่อง EKG) โดยมียอดผู้ใช้งานทุกแพลตฟอร์ม รวมกว่า 100,000 ราย และใช้งานในโรงพยาบาลกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ Invitrace วางแผนที่จะเป็นบริษัท A.I. Digital Biomarker ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย และขณะนี้ก็อยู่ในช่วงการพูดคุยเพื่อระดมทุน Seed จากนักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

กรุงเทพธุรกิจปักหมุด “SUSTAINABILITY FORUM 2026” ชูแนวคิด Shift Forward: Overcoming Challenges สัญญาณแรงจากยูเอ็น–รัฐ–เอกชน เร่งไทยสปีดความยั่งยืนก่อนหมดเวลา

สรุปไฮไลต์งาน SUSTAINABILITY FORUM 2026 โดยกรุงเทพธุรกิจ ภายใต้แนวคิด Shift Forward ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน เร่งไทยสู่ Net Zero และ SDGs รับมือความท้าทายโลกเดือด...

Responsive image

บทบาทเทคโนโลยีสารสนเทศกับการขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจ กรณีศึกษาบางจากพลิกโฉมธุรกิจพลังงานด้วยนวัตกรรมดิจิทัล

เจาะลึก 'บางจาก' ใช้ Digital Transformation พลิกโฉมธุรกิจพลังงาน ดันเป้าโต 2 เท่าด้วย AI และ Cloud พร้อมกรณีศึกษาการควบรวมเอสโซ่และการสร้างนวัตกรรมสีเขียว...

Responsive image

Bolt x IPSOS เผยผลสำรวจ 1 ใน 3 คนไทยนิยมเรียกแอปฯ เพราะเน้นปลอดภัยเมื่อต้องกลับบ้านดึก

บริการเรียกรถผ่านแอปฯ กลายเป็นส่วนสำคัญของระบบขนส่งในประเทศไทย ช่วยให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ทำงานกะดึก เดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมั่นใจตลอด 24 ชั่วโมง...