ลูกค้าบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตมาสเตอร์การ์ดที่ออกโดย 6 ธนาคารพันธมิตรที่ร่วมรายการ ได้แก่ บัตรเครดิตกรุงศรี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารธนชาต ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารยูโอบี ที่นำบัตรเครดิตมาผูกกับ Application TrueMoney Wallet จะได้รับประสบการณ์การใช้จ่ายที่สะดวกสบายสไตล์ “เปย์แนวใหม่ จ่ายสบายได้ทุกวัน” 

ณ ร้านค้าพันธมิตรและจุดรับชำระของ TrueMoney ที่มากที่สุดถึง 2 แสนจุดทั่วประเทศ อาทิ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น, Dairy Queen, TrueCoffee, CP FreshMart, Dunkin, Chester’s และอื่นๆ อีกมากมาย

ล่าสุด ยังมีสิทธิได้รับเงินเครดิตคืนจากข้อเสนอ "ผูกบัตรใช้ ได้เงินคืนสองต่อ" โดยลูกค้ามาสเตอร์การ์ด รับเครดิตเงินคืน 50 บาทเมื่อผูกบัตรและใช้จ่ายขั้นต่ำ 20 บาทครบ 2 ครั้งแรก ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม ปีหน้า และลูกค้าที่ผูกบัตรเครดิตของ 6 ธนาคารพันธมิตรที่ร่วมรายการ เมื่อมีการใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคมนี้

นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ผู้อำนวยการฝ่ายทางพาณิชย์ บริษัท TrueMoney จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตของ Mobile Payment สูงสุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากเวียดนาม เพราะเริ่มมีผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เล็งเห็นและรับรู้ถึงประโยชน์ว่าเป็นช่องทางการชำระเงินที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของพวกเขาได้ดี สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจุดรับชำระยอดนิยมหนึ่งของผู้ใช้คือกลุ่มร้านค้าปลีก โดยเฉพาะร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามียอดการเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 61% เราจึงขยายความร่วมมือกับผู้นำด้านการชำระเงินระดับโลกอย่างมาสเตอร์การ์ดและพันธมิตรธนาคารชั้นนำในประเทศไทยถึง 6 ธนาคาร เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษ "ผูกบัตรใช้ ได้เงินคืนสองต่อ" เพื่อมอบประสบการณ์การใช้จ่ายแบบไร้รอยต่อให้แก่ผู้ถือบัตรต่าง ๆ อย่างแท้จริง 

ซึ่งการนำบัตรเครดิตมาผูกกับบัญชี TrueMoney Wallet นั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้กับลูกค้าเพราะมีขั้นต่ำในการชำระเพียง 20 บาท และช่วยให้ไม่ต้องห่วงเรื่องคอยเติมเงินเข้าบัญชีวอลเล็ทแล้ว ยังมอบสิทธิประโยชน์การรับเครดิตเงินคืนมากมาย โดยทาง TrueMoney จะยังคงร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำต่าง ๆ ในการร่วมกันพัฒนาอีโคซิสเต็มและเพิ่มมูลค่าในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลให้เติบโตยิ่งขึ้น ตอกย้ำกลยุทธ์ Partnership of Choice ที่เราให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อมอบประสบการณ์การใช้จ่ายแบบไร้รอยต่อ พร้อมผลักดันสังคมไร้เงินสดให้กับประเทศ”