ธนาคารกรุงเทพ ขานรับมาตรการ ธปท.ปรับลดเพดานดอกเบี้ย ขยายเพิ่มวงเงิน และมาตรการขั้นต่ำ | Techsauce

ธนาคารกรุงเทพ ขานรับมาตรการ ธปท.ปรับลดเพดานดอกเบี้ย ขยายเพิ่มวงเงิน และมาตรการขั้นต่ำ

ธนาคารกรุงเทพ ขานรับนโยบายธปท. เรื่อง มาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย ครอบคลุมลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ระยะที่ 2 ทั้งปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ขยายเพิ่มวงเงิน และมาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติม รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ลูกหนี้ 

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (COVID-19) นั้น ธนาคารเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ประชาชนยังคงเผชิญอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย ครอบคลุมลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน โดยเน้นการปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป การเพิ่มวงเงิน และมาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติม เช่น การลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ การเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาว การลดค่างวด การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยลูกค้าลดความวิตกและกังวลใจจากผลกระทบดังกล่าว 

สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกค้าดังกล่าว ประกอบด้วยรายละเอียด ดังนี้

 

1.)  สินเชื่อบัตรเครดิต

มาตรการทั่วไป 

-    ปรับลดเพดานดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 16% ต่อปี (จากเดิม 18% ต่อปี) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 

-    ขยายวงเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564

มาตรการขั้นต่ำ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2563

-    คงอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 5% ในปี 2563-2564 เป็น 8% ในปี 2565 และ 10% ในปี 2566

-    เปลี่ยนประเภทเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12% ต่อปี ทั้งนี้การพิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลืออยู่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร โดยเมื่อรวมกับยอดคงเหลือของสินเชื่อเดิมต้องไม่เกินกว่าวงเงินที่ได้รับการอนุมัติ 

-    มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ไม่เพียงพอในการชำระหนี้ โดยพิจารณาเป็นรายกรณี

2.) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ

มาตรการทั่วไป 

-    ปรับลดเพดานดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563

-    ขยายวงเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนหรือกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าในบัญชีเงินฝากเฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564

มาตรการขั้นต่ำ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

ประเภทสินเชื่อที่มีลักษณะหมุนเวียน (Revolving Loan)

-    ลดอัตราผ่อนขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระหนี้ 

-    เปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี ทั้งนี้จะพิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลือตามความสามารถในการชำระหนี้ตามเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร 

ประเภทสินเชื่อที่ผ่อนชำระเป็นงวด (Installment Loan)

-    ลดค่างวดอย่างน้อย 30% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี 

3.)  สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน 

ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

-    เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือ 

-    เลื่อนชำระเงินต้น (จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าแต่ละรายตามความเหมาะสม หรือ

-    ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้ 

-    ช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน โดยพิจารณาเป็นรายกรณีตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร

4.) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้

-    กรณีที่ลูกค้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา หรือมาตรการขั้นต่ำ หรือมาตรการอื่น ธนาคารจะเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกค้า โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วนต่อไป 

“มาตรการเหล่านี้ธนาคารกรุงเทพได้เร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วน โดยเน้นให้ความช่วยเหลือทั้งในวงกว้างแก่ลูกค้าเป็นการทั่วไป และความช่วยเหลือแบบเจาะจงสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเน้นให้ความช่วยเหลือก่อนที่ลูกค้าจะกลายเป็นหนี้เสีย มิฉะนั้นจะกระทบต่อประวัติเครดิตของลูกค้า อันจะเป็นผลเสียต่อการขอใช้บริการสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต” นายสุวรรณ กล่าว

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แอดวานซ์เทค ติดท็อป 5 ‘Best Taiwan Global Brands’ 7 ปีซ้อน ขับเคลื่อน Edge AI ด้วยมูลค่า 2.8 หมื่นล้าน

แอดวานซ์เทค (Advantech Co., Ltd.) ผู้นำด้านอุตสาหกรรม IoT ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 5 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกของ "2024 Best Taiwan Global Brands" ด้วยมูลค่าแบรนด์ 851 ล้านดอลลาร์...

Responsive image

PLEX MES ก้าวสู่อนาคต ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต ด้วย Smart Manufacturing Solutions

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา วงการอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการแนะนำ PLEX MES โซลูชันที่เปรียบเสมือน "สมองดิจิทัล" สำหรับโรงงานยุคใหม่ ระบบนี้ถูกออกแบบ...

Responsive image

ทีทีบี คว้ารางวัลธนาคารที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าธุรกิจ Thailand Best Bank for Corporates

ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) คว้ารางวัล Thailand Best Bank for Corporates จาก Euromoney Awards 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยโซลูชันดิจิทัลและความยั่งยืนผ่านกรอบ B+ESG พร...