บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ SCB พัฒนาระบบให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งานแพลตฟอร์ม Blockchain กลางในรูปแบบ Common Node ได้แล้วผ่าน Web Portal สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่พร้อมลงทุนพัฒนาระบบข้อมูลภายในด้วยตนเอง เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการ SME ในการใช้ประโยชน์เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ โดยบริษัทบีซีไอได้เปิดให้บริการหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee : LG ) ในการรับส่งคำขอและหนังสือค้ำประกัน ซึ่งเป็นบริการแรกสำหรับสมาชิกทั้งในรูปแบบ Common Node และ Private Node พร้อมวางแผนต่อยอดเทคโนโลยี Blockchain สู่บริการอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต
นายอิทธิพันธ์ เจียกเจิม กรรมการบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Global Transaction Banking Services ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจในประเทศไทยตื่นตัวกับการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ต่อยอดและพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ แต่เนื่องด้วยเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนั้นการนำมาใช้ประโยชน์จริงจึงจำเป็นต้องมีการลงทุนพัฒนา และต้องมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี Blockchainเป็นพื้นฐาน ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ประกอบการบางกลุ่ม ทำให้มีเพียงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถพัฒนาระบบภายในเพื่อนำ Blockchain มาใช้งาน ดังนั้น บริษัทบีซีไอ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของธนาคาร รัฐวิสาหกิจ และองค์กรธุรกิจชั้นนำหลายแห่งภายใต้โครงการ Thailand Blockchain Community Initiative จึงมีเป้าหมายที่จะวางโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน Blockchain ให้กับประเทศไทย โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มกลางซึ่งเปิดให้บริการในรูปแบบ Private Node สำหรับสมาชิกที่สามารถพัฒนา Node และนำข้อมูลเข้าระบบภายในของตัวเองไปในเดือนมิถุนายน 2562 และขณะนี้ได้เปิดให้บริการแพลตฟอร์ม Blockchain ในรูปแบบ Common Node สำหรับธุรกิจที่ไม่พร้อมพัฒนาระบบภายในของตัวเอง แต่บริษัทบีซีไอจะเป็นผู้ดูแล เพื่อให้การรับส่งข้อมูลคำขอและหนังสือค้ำประกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้พัฒนา Web Portal เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าใช้งาน ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้ธุรกิจทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Blockchain
“บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด มีความภาคภูมิใจที่วันนี้ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนเป้าหมายในการวางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี Blockchain ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้เกิดขึ้นจริง โดยเปิดโอกาสให้ทั้งองค์กรที่ต้องการเข้ามาทดลองเพื่อนำไปพัฒนาระบบของตัวเอง ธุรกิจต่างๆ รวมถึงสถาบันการเงิน และโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่มีความพร้อมที่จะลงทุนพัฒนาระบบของตัวเองได้ก็จะเข้ามาใช้ประโยชน์ ซึ่งมั่นใจว่า Blockchain จะช่วยผู้ประกอบการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ พร้อมที่จะเติบโตและแข่งขันในโลกธุรกิจดิจิทัล ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์แรกที่บริษัทบีซีไอเปิดให้บริการสำหรับผู้ใช้งานทั้งสองรูปแบบคือ บริการหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee : LG ) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ Painpoint ให้กับผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องทุกส่วน โดยช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ลดเอกสารจำนวนมาก ประหยัดเวลาดำเนินการ และช่วยลดต้นทุนบนพื้นฐานของความถูกต้อง แม่นยำ และโปร่งใส”
นายสิริวัฒน์ เกียรติเจริญสิน ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การมีเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดแต่ไม่ถูกนำไปใช้งานย่อมจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ จึงนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วันนี้ทุกภาคส่วนของสังคมสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Blockchain ได้ผ่านทาง Web Portal ของบริษัทบีซีไอ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามการพัฒนาแพลตฟอร์ม Blockchain ยังคงต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์และองค์กรที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยทุกกลุ่ม พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด