CISCO เผย การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่รวดเร็ว จะทำให้เกิดโอกาส และความท้าทายสำหรับองค์กรมากขึ้น | Techsauce

CISCO เผย การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่รวดเร็ว จะทำให้เกิดโอกาส และความท้าทายสำหรับองค์กรมากขึ้น

CISCO เปิดเผยมุมมองถึง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ท้าทายมักจะนำไปสู่ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและการปรับใช้เทคโนโลยีดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านต่อรูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คน ตั้งแต่การใช้แอพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การปรับใช้ด้านเทเลเฮลท์ไปจนถึงการทำงานแบบไฮบริด และการสร้างเมตาเวิร์ส นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมแปลกใหม่อีกมากมายที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยและการพัฒนาในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยขยายขีดความสามารถใหม่ๆ ในอนาคต

CISCO เผย การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่รวดเร็ว จะทำให้เกิดโอกาส และความท้าทายสำหรับองค์กรมากขึ้น

ลิซ เซ็นโตนี รองประธานกรรมการบริหาร, ประธานบริหารด้านกลยุทธ์และผู้จัดการด้านแอปพลิเคชันของซิสโก้ เผยถึงมุมมองว่า การสร้างสรรค์นวัตกรรมมีความรวดเร็วมากขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องดำเนินการอย่างยั่งยืนและรองรับการเข้าถึงของคนทุกกลุ่มด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโซลูชั่นที่ใช้พลังงานน้อยลง รองรับการเชื่อมต่อตลอดเวลา รวมถึงการปกป้องข้อมูลและอุปกรณ์ และนี่คือการคาดการณ์ 5 ข้อเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงผลกระทบต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและประสบการณ์ใน 2-3 ปีข้างหน้า

1.การท่วมท้นของข้อมูล (Data Deluge) แรงโน้มถ่วงของข้อมูล (Data Gravity) และความจำเป็นในการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกแบบ predictive เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการพัฒนาแอปพลิเคชันและประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

องค์กรสมัยใหม่ถูกกำหนดด้วยแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่องค์กรนั้นๆ สร้างขึ้น เชื่อมต่อ และใช้งาน สถานการณ์แพร่ระบาดที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ สามารถขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยอาศัยการเชื่อมต่อกันโดยตรงระหว่างบริการแอปพลิเคชันหรือระหว่างอุปกรณ์ปลายทาง ที่จริงแล้ว แอปพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการแก่ลูกค้า หรือมุ่งเน้นการทำธุรกรรมระหว่างองค์กรธุรกิจ หรือรองรับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ จะกลายเป็น boundary ขององค์กร การติดต่อสื่อสารทางธุรกิจที่เกิดขึ้นบนแอปพลิเคชันชนิดต่างๆ เหล่านี้จะก่อให้เกิดการท่วมท้นของข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยทุกแง่มุมการติดต่อบนแอพขององค์กรจะทำให้มีการสร้างข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการกลั่นกรองข้อมูลแบบ Predictive Insights ซึ่งจะส่งผลให้ข้อมูลถูกดึงดูดไปยังที่เก็บข้อมูลส่วนกลางสำหรับการใช้งานในบางกรณี  อย่างไรก็ตาม ในกรณีการใช้งานอื่นๆ จะต้องมีการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นที่ส่วน Edge เช่น การใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง และเทคโนโลยีอื่นๆ

ความสามารถในการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้เกี่ยวข้องกับคาดการณ์ข้อที่สอง

2.AI ที่อธิบายได้ มีความรับผิดชอบ และมีจริยธรรม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนาไปจนถึงการปรับใช้ จะมี 'ความสำคัญสูงสุด' สำหรับองค์กรและรัฐบาลทั่วโลก หากเราต้องการสร้างอนาคตที่ดีสำหรับทุกคน

ปัจจุบัน ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นอยู่ในระดับที่เกินกว่าขีดความสามารถของมนุษย์ แต่เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ “อย่างชาญฉลาด” และในบางกรณี จำเป็นต้องประมวลผลในรูปแบบที่เกือบจะเรียลไทม์ ตรงจุดนี้เองที่ ML และ AI จะเข้ามามีบทบาท ถ้าหากในอนาคตเราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกแบบทันที เทคโนโลยี ML และ AI ก็จะช่วยให้เราสามารถกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกดังกล่าวได้  แต่ความท้าทายคือ ข้อมูลต่างๆ ล้วนมีประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้อง เช่น กรรมสิทธิ์ อำนาจการควบคุม ความเป็นส่วนตัว และความสอดคล้องตามกฎระเบียบ ซึ่งในการนำเอาข้อมูลมาใช้เพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก เราจะต้องพิจารณาประเด็นต่างๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน  

และถ้าระบบ AI ที่ใช้ในการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกมีอคติแฝงอยู่ภายใน ข้อมูลเชิงลึกที่ได้ก็ย่อมจะผิดเพี้ยนหรือมีข้อบกพร่อง ซึ่งจุดนี้เองที่นำไปสู่ความจำเป็นในการสร้างระบบ AI ที่อธิบายได้ มีความรับผิดชอบ และมีจริยธรรม กล่าวคือ ระบบ AI จำเป็นที่จะต้องมีความโปร่งใส เพื่อทุกคนที่ใช้งานระบบดังกล่าวจะสามารถเข้าใจว่าข้อมูลเชิงลึกถูกกลั่นกรองในลักษณะใด และความโปร่งใสนั้นจะต้องปรากฏอยู่ในทุกแง่มุมของวงจรการใช้งาน AI ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ พัฒนา ไปจนถึงการปรับใช้ ความโปร่งใส การออกแบบที่คำนึงถึงคนทุกกลุ่ม และทีมงานที่หลากหลายคือองค์ประกอบที่จำเป็นในอนาคตที่รองรับความต้องการของทุกคนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น

 3.อนาคตของนวัตกรรมและธุรกิจเชื่อมโยงกับการปลดปล่อยพลังของข้อมูลในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชัน ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้น API มีความปลอดภัย และสามารถตรวจสอบได้

ขอบเขตขององค์กรจะถูกกำหนดด้วยแอปพลิเคชันขององค์กรนั้นๆ รวมถึงข้อมูล และประโยชน์ที่ได้รับจากข้อมูลและแอปพลิเคชัน  และในอนาคต ข้อมูลขององค์กรจะถูกประมวลผล ตรวจสอบ เชื่อมโยงและปรับปรุงอย่างชาญฉลาด โดยคำนึงถึงทุกข้อจำกัดที่เกี่ยวข้อง เช่น กรรมสิทธิ์ อำนาจในการควบคุม ความเป็นส่วนตัว และความสอดคล้องตามกฎระเบียบ เพื่อให้สามารถนำเอาข้อมูลไปใช้ในการสร้างโซลูชั่นที่แปลกใหม่  นอกเหนือจากการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจตามบริบทแล้ว ทีมงานจะสามารถสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับการทำงานมากมายที่ซับซ้อน 

ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่ระบบงานอัตโนมัติที่แก้ไขปัญหาได้เอง และทำให้กระบวนการทางธุรกิจในอนาคตดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาติดขัดใดๆ  ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวในอนาคต จำเป็นที่จะต้องสร้างแอปพลิเคชันภายใต้แนวทางแบบอัตโนมัติที่สามารถตรวจสอบได้และมุ่งเน้น API เป็นหลัก โดยมีการผนวกรวมระบบรักษาความปลอดภัยที่ไร้รอยต่อตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาไปจนถึงการใช้งานจริง พร้อมความสามารถในการระบุ ตรวจสอบ และจัดการ API ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดหรือผู้ให้บริการรายใดก็ตาม

4.เมตาเวิร์สจะกลายเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ คาดการณ์ได้ และสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้อย่างแพร่หลาย

แน่นอนว่าเทรนด์ของการเชื่อมต่อและการติดต่อสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัดจะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้อุปกรณ์แบบไร้สายได้อย่างสะดวกมากขึ้น ทุกที่ทุกเวลา 

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบตลอดเวลานี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม เพราะจะทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างออกไป และจะช่วยสร้างงานให้กับทุกคน  อย่างไรก็ตาม นั่นหมายความว่าถ้าการเชื่อมต่อแบบไร้สายสูญหายหรือหยุดชะงัก จะต้องหาวิธีที่จะทำให้กิจกรรมต่างๆ ดำเนินต่อไปได้  และในอนาคต จำเป็นที่จะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบตลอดเวลาที่แพร่หลาย มีเสถียรภาพ ในระดับราคาที่ถูกลง  บริการอินเทอร์เน็ตแบบไร้รอยต่อในอนาคตจำเป็นต้องอาศัยการเข้าถึงและการเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบ เช่น การเชื่อมต่อที่ปรับปรุงด้วย AI และไร้รอยต่อระหว่างเครือข่ายมือถือและ WiFi และการเชื่อมต่อดาวเทียม LEO และอื่นๆ

5.ระบบประมวลผล ระบบสื่อสาร และระบบรักษาความปลอดภัยแบบควอนตัมจะขับเคลื่อนอนาคตอย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โดยจะมีการสร้างรูปแบบใหม่ในการทำงานและการสื่อสารของระบบต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ก้าวล้ำ โดยมีแบนด์วิธเพิ่มขึ้นและการหน่วงเวลาน้อยลง

ระบบประมวลผลและระบบรักษาความปลอดภัยแบบควอนตัม (Quantum) จะเชื่อมต่อถึงกันในลักษณะที่แตกต่างอย่างมากจากเครือข่ายการสื่อสารแบบเก่า ซึ่งรับส่งข้อมูลและเสียงในรูปแบบของบิตและไบต์  โดยพื้นฐานแล้วเทคโนโลยีควอนตัมอ้างอิงปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ในทฤษฎีฟิสิกส์ควอนตัม นั่นคือ อนุภาคต่างๆ มีความเกี่ยวโยงกัน ซึ่งทำให้อนุภาคสามารถแลกเปลี่ยนสถานะกัน  ในกรณีของระบบเครือข่ายควอนตัม ปรากฏการณ์นี้สามารถใช้ในการแชร์หรือถ่ายโอนข้อมูล โดยเราอาจเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดเล็กจำนวนมากเข้าด้วยกันเพื่อสร้างระบบคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีขนาดใหญ่มาก  ระบบเครือข่ายควอนตัมจะรองรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยในรูปแบบใหม่ระหว่างอุปกรณ์ดิจิทัล 

ซึ่งจะสามารถป้องกันการเจาะระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งนี้สามารถสร้างได้ด้วยระบบเครือข่ายควอนตัม ซึ่งจะช่วยให้สามารถป้องกันการปลอมแปลงธุรกรรมได้ดียิ่งขึ้น  นอกจากนั้น คุณภาพที่เหนือกว่าของการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยยังอาจช่วยป้องกันไม่ให้การสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลถูกแทรกแซงหรือสอดแนม  ความเป็นไปได้ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การพลิกโฉมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรารู้จักและใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Siriraj x MIT Hacking Medicine เปิดทางสู่นวัตกรรมขับเคลื่อนการดูแลผู้สูงอายุในประเทศกำลังพัฒนา

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ MIT ประสบความสำเร็จในการจัดประชุมวิชาการ Siriraj x MIT Hacking Medicine ภายใต้หัวข้อ “Scaling Aged Care in Developing Countries”...

Responsive image

ttb แบงก์ไทยรายแรก ปฏิวัติบริการ Mobile Banking ด้วย Generative AI

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb เตรียมสร้างความฮือฮา ด้วยการเปิดตัว “Yindee” ผู้ช่วยบนมือถือเวอร์ชั่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Generative AI ซึ่งจะช่วยตอบคำถามลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ...

Responsive image

ลอรีอัลเปิดเวที Big Bang Beauty Tech Innovation มุ่งผลักดันนวัตกรรมความงามแห่งอนาคต

ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ประกาศรายชื่อสตาร์ทอัพผู้ชนะเลิศจากเวที Big Bang Beauty Tech Innovation การแข่งขันเฟ้นหานวัตกรรมเปลี่ยนโลกความงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้แปซิฟิกใต้ ตะวั...