เปิดมุมมองวิศวกรเคมี กับกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดในพื้นที่อุทยานฯ หลังมีสารเคมีทำให้เกิดปะการังฟอกขาว | Techsauce

เปิดมุมมองวิศวกรเคมี กับกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดในพื้นที่อุทยานฯ หลังมีสารเคมีทำให้เกิดปะการังฟอกขาว

เมื่อ ‘ครีมกันแดด’ ตกเป็นจำเลยทางสังคม เพราะมีหลักฐานทางวิชาการชี้ชัดว่า สารเคมีบางชนิดก่อให้เกิดปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ประเทศไทยได้ออกกฎหมายใหม่ ที่ห้ามนำเข้าและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ที่เรียกได้ว่า ‘พลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์ทั้งระบบ’ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ได้สะท้อนมุมมองของ ‘วิศวกรเคมี’ ที่มีต่อการบังคับใช้กฎหมายนี้ไว้อย่างน่าสนใจ เพราะมีหลายองค์ประกอบที่ต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งก่อนลงมือทำ

สารเคมีกับปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีงานวิจัยจากหลายประเทศที่ระบุว่าสารเคมีบางชนิด ก่อให้เกิดปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’ ซึ่งเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์กันแดดอยู่ 4 ชนิด ดังนี้

  1. Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3)
  2. Octinoxate (Ethylhexyl Methoxycinnamate)
  3. 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) 
  4. Butylparaben

โดยงานวิจัยในประเทศไทยส่วนใหญ่ระบุตรงกันค่อนข้างชัดเจนว่า Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3) และ Octinoxate (Ethylhexyl Methoxycinnamate) ส่งผลกระทบต่อสารคุมรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ของปะการัง โดยไปยับยั้งการสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโต และก่อให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง ส่วนงานวิจัยเกี่ยวกับ 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben ถึงแม้จะไม่ได้ระบุสาเหตุที่ชัดเจนนัก แต่ในสาระสำคัญในประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ออกมาล่าสุด ถือว่าครอบคลุมสารเคมีทุกชนิดที่ส่งผลให้เกิด ‘ปะการังฟอกขาว’ แล้ว

บทบาทของ ‘วิศวกรเคมี’ กับการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์ 

จากการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับข้อกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘ประเทศไทย’ ถือเป็นชาติแรก ๆ ของโลกที่ออกกฎหมายนี้ ต่อจากรัฐฮาวาย (สหรัฐอเมริกา) และสาธารณรัฐปาเลา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ โดย TSE มองการเคลื่อนไหวทางกฎหมายนี้เป็น ‘ปรากฏการณ์’ ครั้งสำคัญของมนุษยชาติและการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ ซึ่ง ‘วิศวกรเคมี’ ถือเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์ (Skincare) ด้วยการขานรับข้อกฎหมาย และช่วยหาทางแก้ไขตั้งแต่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

TSE ชวนผู้ที่หลงใหลกิจกรรมทางทะเลกลับไปใช้สารกันแดดรุ่นเก่า!

การเติบโตของอุตสาหกรรมสกินแคร์ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการนำสารเคมีทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผลลัพธ์จากการใช้งานดูเป็นธรรมชาติ แทนสารเคมีรุ่นเก่าที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง แต่ทำให้ผิวดูขาววอกไม่เป็นธรรมชาติ แต่เมื่อมีกฎหมายใหม่ที่ห้ามใช้สารเคมีรุ่นใหม่เช่นนี้ ซึ่งทางออกที่ TSE มองว่าเหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลกิจกรรมทางทะเลที่ง่ายและใช้ได้ทันที คือการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ส่วนผสมของสารเคมีรุ่นบุกเบิกอย่าง ‘ไทเทเนียมไดออกไซด์’ (Titanium dioxide TiO2) และ ‘ซิงค์ออกไซด์’ Zinc Oxide โดยสังเกตได้จากฉลากที่กำกับข้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งสารเคมีรุ่นบุกเบิกทั้ง 2 ชนิด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างแน่นอน 

TSE หนุนออกเครื่องหมายกำกับผลิตภัณฑ์

เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จะพบว่ายังมีสารเคมีที่เป็นส่วนผสมจำนวนมากที่ส่งผลต่อการฟอกขาวของปะการัง อาทิ ส่วนผสมในสบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า เป็นต้น ซึ่งไม่รวมปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่ยังไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางสังคมอีกมากมาย แต่การมีกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีบางชนิดในพื้นที่อุทยาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องควบคู่กับการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจสอบว่าผู้ใดใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีต้องห้ามในพื้นที่อุทยาน เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก TSE จึงมีข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการออกเครื่องหมายกำกับที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้งานได้มากขึ้น โดยไม่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตที่เคร่งครัดมากนัก นั่นหมายถึง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดทั่วไปยังสามารถเลือกใช้สารเคมีที่มีขายทั่วไปได้อยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มีความจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่อุทยาน ต้องควบคุมให้ใช้งานได้เฉพาะผลิตภัณฑ์กันแดดที่ระบุว่า ‘ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล’ ซึ่งจะช่วยยกระดับการบังคับใช้กฎหมายใช้เป็นรูปธรรมและจับต้องได้มากขึ้น

‘วิศวกรเคมี’ กับโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่ TSE ภูมิใจนำเสนอ  

กว่า 32 ปีแล้วที่ TSE ทำให้หน้าที่ในการมอบโอกาสและอนาคตที่ดีให้กับนักศึกษา ซึ่งหลักสูตรวิศวกรรมเคมี เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ TSE ภาคภูมิใจ และมีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนสังคมตลอดมา โดยไม่ได้มุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งเสริมทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน (Soft Skills) อย่างครบวงจร ซึ่งช่วยให้การทำงานในทุกขั้นตอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีความคิดริเริ่มในการพัฒนาธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ โดยไม่ได้ยึดติดกับการเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ ซึ่ง TSE มีแผนที่จะพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ให้มากขึ้น อาทิ การให้ความสำคัญกับ ‘โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG Economy) ที่เป็นแนวคิดการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยอยู่บนพื้นฐานของ ‘การพัฒนาอย่างยั่งยืน’ (Sustainable Development Goal หรือ SDGs) ที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของสังคมในทุกมิติ เพื่อสร้างสมดุลของการเติบโตไปพร้อมกันแบบองค์รวม ซึ่งถือเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญและเป็นทักษะพื้นฐานที่มีความจำเป็นของ ‘วิศวกรเคมี’ ในปัจจุบัน และยังสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของประเทศไทยอีกด้วย

“เพราะเรื่องเคมีไม่ได้จำกัดเฉพาะในห้องแลป แต่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งในโอกาสที่ฉลองครบรอบ 32 ปี เนื่องในวันคล้ายวันสภาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TSE (19 สิงหาคมของทุกปี) TSE มีความมุ่งมั่นที่จะส่งต่ออนาคตทางการศึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจด้านวิศวกรรมเคมี ให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆรอบตัวและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่มีผลต่ออุตสาหกรรมสกินแคร์ ‘วิศวกรเคมี’ ต้องพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน” รองศาสตราจารย์ ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ กล่าวเสริมในตอนท้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรวิศวกรรมเคมี พร้อมเงื่อนไขการเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ของ TSE รวมทั้งกิจกรรมครบรอบ 32 ปีเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสภาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TSE สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.engr.tu.ac.th และ Facebook Fanpage ของ TSE ที่ www.facebook.com/ENGR.THAMMASAT


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Wavemaker และ กรุงศรี ฟินโนเวต ลงทุน Series B ใน 24X เดินหน้ายกระดับตลาดซ่อมบำรุง

24X ประกาศความสำเร็จครั้งใหม่ในการระดมทุนรอบซีรีส์ บี โดยสองกลุ่มนักลงทุนระดับชั้นนำอย่าง เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์สและกรุงศรี ฟินโนเวต ในเครือกรุงศรี ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ 24X ในการ...

Responsive image

ทีทีบี ยกระดับ "ยินดี-Yindee" ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ ตอบทุกคำถามฉับไว บน Mobile Banking ด้วย Azure OpenAI ครั้งแรกในไทย

ทีทีบี มุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วย Digital Transformation โชว์ความสำเร็จการพัฒนาผู้ช่วยบนมือถือ “ยินดี-Yindee” เวอร์ชันใหม่ ถือเป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่นำ Generative AI ผ่าน Microsoft A...

Responsive image

สำรวจ KPMG เผย ซีอีโอพลังงานเดินหน้าลงทุนเทคโนโลยี แม้เศรษฐกิจผันผวน

การสำรวจ CEO Outlook ของเคพีเอ็มจี (KPMG) แสดงให้เห็นว่าซีอีโอร้อยละ 78 มั่นใจในการเติบโตทางเศรษฐกิจในสามปีข้างหน้า สะท้อนความเชื่อมั่นในระดับสูง แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเ...