มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Huawei เผย Hongmeng (หงเหมิง) ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของบริษัท เหมาะสำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT เพราะมีความหน่วงเวลา (Latency) ต่ำ
“เป้าหมายของ OS นี้คือ สร้างโลกที่ทุกสิ่งอย่างมีความอัจฉริยะและเชื่อมต่อกันได้ให้เป็นจริง” มร. เหรินกล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Le Point ของฝรั่งเศส และเสริมด้วยว่า “ระบบปฏิบัติการหงเหมิงมีความล่าช้าต่ำในระดับคงที่ โดยในแต่ละจุดจะมีความหน่วงไม่เกิน 5 มิลลิวินาทีหรือต่ำกว่านั้น และอาจต่ำกว่า 1 มิลลิวินาทีด้วย”
มร. เหริน กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การเปลี่ยนเกียร์ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 มิลลิวินาที ถ้าความหน่วงเวลาไม่คงที่ การเข้าเกียร์อาจผิดพลาดและอาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานร่วมกันได้”
ในวันที่ 7 สิงหาคม Huawei ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสมาร์ทดีไวซ์ จะจัดงาน IoT Industry Summit ขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดแสดงและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT และแอปพลิเคชันการใช้งานอันล้ำสมัย
ประเทศไทยได้นำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ในฐานะตัวขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่สำคัญ เทคโนโลยี IoT มีศักยภาพในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลเพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ และการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด
“เราต้องการสร้างความพึงพอใจให้ผู้คนในสังคม เป้าหมายสูงสุดของเราคือการให้บริการผู้บริโภค ซึ่งก็คือ คนกว่า 6,500 ล้านคน และอาจจะมากกว่านั้นในอนาคตเมื่อ IoT เชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งได้มากขึ้น ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการของทุกผู้คน” มร. เหริน เจิ้งเฟย กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์
IoT เป็นรากฐานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) Big Data และเป็นส่วนสำคัญของ 5G หัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำด้าน 5G ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชัน 5G เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรที่ตรงตามมาตรฐานของ 3GPP อีกทั้งยังได้ก่อตั้งศูนย์โอเพ่น แล็บ (Open Lab) ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันของนักพัฒนาแอปฯ ในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Huawei ได้ยืนยันว่าแม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งอุปกรณ์ 5G
“จะไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งอุปกรณ์อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว อุปกรณ์ 5G ของเราถือว่าดีที่สุดในโลกและจะยังไม่มีบริษัทไหนตามเราทันได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จึงไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งแน่นอน ฝ่ายผลิตของเรายังทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่”
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความท้าทายล่าสุดที่หัวเว่ยกำลังเผชิญจากสหรัฐอเมริกา มร. เหริน ตอบว่า “กงล้อแห่งกาลเวลาย่อมเดินไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีใครหยุดมันได้หรอก”
“เราแค่ขายอุปกรณ์เปล่าๆ อย่างท่อน้ำหรือก๊อกน้ำ ผลิตภัณฑ์ดีไวซ์ก็เหมือนกับก๊อก ส่วนอุปกรณ์เชื่อมต่อก็เปรียบเหมือนกับท่อน้ำ สิ่งที่ไหลผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือน้ำมัน ย่อมมีระบบข้อมูลเป็นตัวกำหนด และระบบเหล่านี้ก็ควบคุมโดยผู้ให้บริการระบบโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่เรา เราเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลและขอยืนยันด้วยว่าเราไม่เคยติดตั้งประตูหลังเพื่อสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้” มร. เหริน เจิ้งเฟยกล่าว
“กุญแจสู่ความสำเร็จของหัวเว่ยคือ ความทุ่มเทในการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ลูกค้า ถึงแม้ว่าจะมีการโจมตี Hiawei อย่างหนัก แต่ผู้บริโภคก็ยังคงซื้อสินค้าจากเรา เพราะความไว้วางใจที่เกิดจากการทุ่มเททำงานเพื่อลูกค้าและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ในฐานะผู้นำตลาดในจีนและอีกหลายประเทศทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ปัจจุบันผลิตภัณฑ์และโซลูชันของหัวเว่ยให้บริการแก่ผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก
“ทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จร่วมกัน” มร. เหริน เจิ้งเฟย กล่าวเมื่อ Le Point ถามถึงคติประจำตัวของเขา
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด