เฟรชเก็ต (Freshket) แพลตฟอร์มจัดการวัตถุดิบออนไลน์สำหรับร้านอาหารแบบครบวงจร (Food Supply Chain Platform) สัญชาติไทย เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมระดมทุนเพิ่มจากผู้ลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม นำโดยไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์หรือมาม่า และคลิฟ แคปปิตอล ร่วมด้วยผู้ลงทุนเดิมอย่าง โอเพ่นสเปซ เวนเจอร์ และอีซีจี เวนเจอร์ แคปปิตอล เป็นจำนวนเงินกว่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยเฟรชเก็ตเกิดขึ้นจากการที่ ‘พงษ์ลดา พะเนียงเวทย์’ CEO และ Co-Founder มองเห็นโอกาสจากปัญหาของระบบ Food Supply Chain ในประเทศไทยที่กระจัดกระจายและเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารกว่า 700,000 รายในประเทศ ยังต้องการวัตถุดิบคุณภาพและได้มาตรฐานในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งต้องมาพร้อมการจัดการที่ง่ายและสะดวก เช่น การสั่งได้ถึงดึก การจัดส่งถึงหน้าร้าน การได้สินค้าครบถ้วน และการช่วยจัดการเรื่องบิลให้อยู่ในที่เดียว ทำให้เฟรชเก็ตเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ก้าวมาเป็นตัวกลางในการใช้เทคโนโลยีจัดการปัญหาเหล่านี้ ตั้งแต่กระบวนการสรรหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งตรงถึงหน้าร้านในทุกวันและทุกชั่วโมง
โดยทางผู้บริหารของบริษัทไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์ หรือมาม่า ได้กล่าวถึงการร่วมลงทุนในครั้งนี้ว่า “มาม่าเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารมายาวนานกว่า 50 ปี และเป็นหนึ่งตัวเลือกหลักในมื้ออาหารของผู้บริโภค ทำให้เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การมอบวัตถุดิบที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคมีความสำคัญมากแค่ไหน โดยเราตั้งมั่นที่จะผลิตสินค้าคุณภาพดีในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ ซึ่งการเข้ามาสนับสนุนเฟรชเก็ตในครั้งนี้ เรามีความตั้งใจช่วยให้เฟรชเก็ตสามารถการส่งต่อวัตถุดิบที่มีคุณภาพและสดใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในวงกว้างมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้เราได้เข้าใจลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นอกเหนือจากในธุรกิจหลักของเราอีกด้วย”
โดยในยุคที่การแข่งขันของอุตสาหกรรมร้านอาหารเป็นไปอย่างเข้มข้น เฟรชเก็ตได้เข้ามาช่วยทำให้ชีวิตของผู้ประกอบการง่าย แน่นอน และสะดวกมากขึ้น ด้วยการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของวัตถุดิบให้สม่ำเสมอ อีกทั้งช่วยบริหารจัดการตั้งแต่การจัดเก็บไปจนถึงการจัดส่ง ทำให้ร้านอาหารสามารถมุ่งสร้างมื้อที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบและการจัดการเบื้องหลังอีกต่อไป ซึ่งวิธีการของเฟรชเก็ตสอดคล้องกับคำแนะนำของสมาคมภัตตาคารไทย ที่กระตุ้นให้ร้านอาหารปรับตัวและเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการวัตถุดิบให้ต่างไปจากเดิม เพื่อเอาชนะภาวะการแข่งขันสูงนี้ไปได้ โดยปัจจุบันเฟรชเก็ตควบคุมคุณภาพของบริการได้สูงกว่า 99% และรักษาลูกค้ากลุ่มร้านอาหารไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยมีลูกค้ากลุ่มร้านอาหารขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมถึงเชนร้านอาหารขนาดใหญ่มากกว่า 26,000 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ไว้ใจสั่งวัตถุดิบที่มีมากกว่า 10,000 รายการของเฟรชเก็ต โดยปัจจุบันมีรายได้ที่เติบโตจากลูกค้ากลุ่มนี้ถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยนางสาวพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ CEO และ Co-Founder ของ freshket ได้กล่าวถึงทิศทางของบริษัทเอาไว้ว่า “ปัจจุบันเฟรชเก็ตได้ต่อยอดแพลตฟอร์มสู่การเป็นโซลูชันจัดการวัตถุดิบที่ครบวงจร และตอบรับทุกความต้องการของธุรกิจอาหาร ตั้งแต่การสรรหา การจัดการคลังสินค้า (Fulfillment) จนถึงการจัดส่ง โดยยังยึดถือด้านคุณภาพของทั้งสินค้าและบริการเป็นหัวใจสำคัญ ปัจจุบันเราเดินหน้าขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มลูกค้าเดิมในพื้นที่ใหม่ และลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งการได้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับธุรกิจแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง ‘ไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์ หรือมาม่า’ ก็จะช่วยต่อยอดความตั้งใจของเฟรชเก็ตในการเพิ่มตัวเลือกของวัตถุดิบที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งานมากกว่าเดิม”
ทางด้านนายคมจักร รัตคาม Chief of Staff (CoS) ของ freshket ได้กล่าวเสริมถึงการนำเงินทุนไปใช้ให้สอดคล้องกับการเติบโตของเฟรชเก็ตว่า “การระดมทุนรอบนี้เป็นการระดมทุนเพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืน และไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัท แต่เงินทุนนี้่จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการใหม่เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟรชเก็ตที่ตั้งใจจะเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าโดยมีบริการที่พัฒนามาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก”
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ นอกจากกลุ่มนักลงทุนจะเข้ามาเติมเต็มด้านเงินลงทุนแล้ว ยังเข้ามาช่วยเสริมความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งการเข้าใจลูกค้าที่ครบมิติมากขึ้น และการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารมาอย่างยาวนาน ทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้เฟรชเก็ตพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ครบถ้วนมากกว่าเดิม
ในขณะที่ ‘ดร.คิพ เตียวิวัฒน์’ จาก Kliff Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนผู้นำในการลงทุนครั้งนี้ ได้ให้ความเห็นว่า “ที่ผ่านมาทาง Kliff Capital ประสบความสำเร็จกับการลงทุนในบริษัทชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม มองเห็นศักยภาพของเฟรชเก็ตที่สร้างความแตกต่างจากการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบ Food Supply Chain ของประเทศไทย โดยเรามั่นใจว่าเฟรชเก็ตจะไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการวัตถุดิบทั้งของสดและของแห้งสำหรับทั้งร้านอาหารและบุคคลทั่วไป หากแต่ยังจะช่วยสร้างระบบที่เป็นธรรมและยั่งยืนสำหรับคู่ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกด้วย”
โดยในการระดมทุนรอบก่อนหน้านี้ในปี 2565 เฟรชเก็ตได้รับความเชื่อมั่นและสนับสนุนจากบริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และบริษัทชั้นนำอีกมากมาย ทำให้ได้รับเงินทุนในรอบดังกล่าวกว่า 800 ล้านบาท
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด