แพลตฟอร์ม Freshy โดย Green Melody บริษัทสตาร์ทอัพรายใหม่ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์กัญชง กัญชาและพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงในรูปแบบ E-Marketplace ที่แรกในประเทศไทย สร้างความแตกต่างในยุคดิจิทัล สร้างตลาดให้กับผู้บริโภค เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการที่มีสินค้า โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์จากกัญชง กัญชา พืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ที่ได้คุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานอย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งยังสร้างโอกาสทางการตลาดให้เกษตรกร ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม E- Marketplace และส่งเสริมพืชสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก ต่อยอดนโยบายพืชเศรษฐกิจของชาติ
โดยงานนี้ ได้รับเกียรติจากคุณพนัส วัฒนชัย (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จํากัด) ผู้ให้การสนับสนุน มาเป็นประธานงานเปิดตัวที่ผ่านมา รวมถึง คุณกมลทิพย์ อินทคีรี (CEO) บริษัท กรีน เมโลดี้ จำกัด) ได้แถลงถึงความเป็นมา และการเกิดขึ้นของ Freshy ร่วมด้วย ผศ.ดร. วิมล แสนอุ้ม (ผู้อํานวยการหน่วยกลยุทธ์ ธุรกิจนวัตกรรม บริษัท พนัสแอสเซมบลีย์จํากดั) กล่าวถึง แนวโน้มของ Freshy ในการขยายผลสู่การเป็น international platform ให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีเปิดในวันนั้นได้รับทราบ
นอกจากนี้ภายในงานได้มีการร่วมฟังการเสวนาเรื่อง Elevating High-Value Thai Herbal Products in Digital Era โดยได้รับเกียรติจากผู้ร่วมเสวนาหลายท่าน อาทิ รองศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.สุรพล นธการกิจกุล (นายกสมาคมนักเคมีเครื่องสำอางแห่งประเทศ ไทย (SCCT) , ดร. สุพัชรี เนตรพันธุ์ (นักวิจัย สังกัดทีมวิจัยนวัตกรรมด้านพันธุศาสตร์ และสรีรวิทยาพืช (APPT) ภายใต้กลุ่มวิจัย เทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ (ACBG) ไบโอเทค) , คุณตะวัน น้อยมีธนาสาร (Co-Founder, AgrowPlus) , ดร. วรพล วังฆนานนท์ (ประธานกรรมการบริษัท ทีเอ็นเคบิวตี้ จํากัด) , คุณทรัพย์วรา เจริญพานิชสกุล (CMO & Founder, QBox point Co., Ltd)
ทั้งยังมีผู้บริหารหลายหน่วยงานร่วมงาน อาทิ ผู้บริหารจาก ธกส.โดยภายในงาน ยังมีการออกร้านโชว์ผลิตภัณฑ์จากหลายที่ เช่น จากคณะสหเวชศาตร์และคณะแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยบรูพา (ประคบ สมุนไพรและกัญชง), อุปกรณ์และเทคโนโลยีการปลูกพืชผักสมุนไพรสมัยใหม่จาก AgrowPlus และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางจากวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรพนัสนิคม (P-HERB) ร่วมกับบริษัท ที เอ็น เค บิวตี้ จํากัด เป็นต้น ซึ่ง แพลตฟอร์ม Freshy เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่าน www.freshy.shop หรือติดต่อที่เพจเฟซบุ๊ก Freshy
นางสาวกมลทิพย์ อินทคีรี (CEO) บริษัท กรีน เมโลดี้ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันเกษตรกรไทยมีมากกว่า 10 ล้านครัวเรือน หากเราสามารถช่วยสร้างรายได้ต่อครัวเรือนอย่างน้อยที่สุด 10,000 บาทต่อครัวเรือน ต่อเดือน จะเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนกว่า 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี ดังนั้น กรีน เมโลดี้ ไม่ได้มองเพียงแค่ E- Marketplace เท่านั้น แต่เรามองทั้ง supply chain ในการสร้างมาตรฐานผลผลิต และเป็นศูนย์กลางพื้นที่แลกเปลี่ยนสารสำคัญ อาทิ CBD CBG BCP และพืชสมุนไพรมูลค่าสูง นอกจากนี้ยังมองรวมไปถึงระบบนิเวศเชิงพาณิชย์ ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาผู้ปลูกให้มีมาตรฐาน มีตลาด เข้าถึงได้ง่าย และมีรายได้ที่มั่นคง เพราะ เราต้องการสร้าง Platform ที่เป็นตัวเชื่อม ระหว่าง เกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ซื้อ และเป็นห่วงโซ่คุณค่าที่เเร็งเเรงทั้งระบบ ให้กับทั้ง Chain ของอุตสากรรม”
“กรีน เมโลดี้ เกิดขึ้น จากการมองเห็นโอกาสทางการตลาดจากสรรพคุณและศักยภาพของสมุนไพรไทยในช่วงโควิดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าทะลายโจร กระชาย ขิง กัญชง กัญชา เป็นต้น ทำให้ตลาดของพืชสมุนไพรไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทันที เราจึงเล็งเห็นว่ากลุ่มพืชสมุนไพรเหล่านี้ จะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ดีในอนาคตอันใกล้ และจะกลายเป็นธุรกิจที่สามารถต่อยอดได้หลายทาง ไม่ว่าเป็นจะเรื่องยารักษาโรคเครื่องดื่ม อาหาร เครื่องสำอาง และเราเชื่อว่าจะเป็น new normal ของธุรกิจที่จะเป็น S-Curve ใหม่ในอนาคตได้” นางสาวกมลทิพย์ อินทคีรี (CEO) บริษัท กรีน เมโลดี้ จำกัด กล่าว
สำหรับรายละเอียดแพลตฟอร์ม Freshy ที่จะเข้ามาร่วมจากฝั่งผู้ขาย เป็นได้ทั้งบุคคลทั่วไป นิติบุคคล วิสาหกิจชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ ที่มีสินค้าและใบอนุญาตจำหน่าย และจากฝั่งผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูณ์ถึงจะสามารถเข้าซื้อสินค้าที่มีส่วนผสมของ CBD, THC ได้ เพราะเราคำนึงถึงความปลอดภัยและดำเนินการตามข้อกฎหมายเป็นสำคัญ แพลตฟอร์มมีหลากหลาย Category ให้เลือกซื้อ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องหอมและสปา เครื่องนุ่งห่ม และอื่นๆ
แพลตฟอร์ม Freshy เปิดตัวด้วยภาษาไทย เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์และสินค้าของคนไทย ให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวได้คิดค้นมาจากคนไทยอย่างแท้จริง พร้อมบริการโลจิสติกส์ครบวงจรแบบ door-to-door ก่อนจะขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนและตลาดโลกด้วยฟีเจอร์อีก 5 ภาษา คือ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอาหรับ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะปรับแพลตฟอร์มให้เป็นลักษณะของ B2B เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ สร้างโอกาสให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากขึ้น