Huawei เผยรายงาน ICT Sustainable Development Benchmark เมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ให้เห็นว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นตัวเร่งสำคัญในการผลักดันให้ประเทศต่างๆ บรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN’s Sustainable Development Goals หรือ SDGs) การศึกษาฉบับนี้ได้ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) กับความก้าวหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนใน 15 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสวีเดน สหราชอาณาจักร เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับอามิเรสต์ โคลัมเบีย เม็กซิโก จีน ไทย อียิปต์ อินโดนีเซีย เคนยา อินเดีย และปากีสถาน
รายงานของ Huawei พบว่า การลงทุนด้านไอซีทีและความก้าวหน้าเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมีความสัมพันธ์กันถึงร้อยละ 90 ใน 6 ด้านด้วยกัน อันได้แก่ เป้าหมายที่ 3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เป้าหมายที่ 4 การศึกษาที่เท่าเทียม เป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมทางเพศ เป้าหมายที่ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน เป้าหมายที่ 11 เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน และเป้าหมายที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศที่มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ดีจะมีความก้าวหน้าด้านการพัฒนาเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย ในทางกลับกัน ประเทศที่มีการลงทุนด้านไอซีทีน้อยกว่าจะมีความล้าหลังในการก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
“เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นความพยายามที่จะหยุดปัญหาความยากจน สร้างความเจริญให้เกิดขึ้นถ้วนหน้า และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมหลากหลายด้าน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งหมดล้วนต้องพึ่งพาพลังของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อบรรลุสู่เป้าหมาย” มร. เควิน เทา ประธานคณะกรรมการการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืนของ Huawei กล่าว
ในฐานะที่ Huawei เป็นบริษัทชั้นนำด้านไอซีที เรามีความสนใจเป็นอย่างมากในด้านการมีส่วนร่วมของไอซีทีที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตและยกระดับมาตรฐานชีวิตของผู้คน
จากรายงานพบว่า แต่ละความสัมพันธ์นั้นมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ 9 มากที่สุด ซึ่งส่งเสริมระบบสาธารณูปโภค อุตสาหกรรม และนวัตกรรม อันเป็นภาคส่วนที่ทำให้สังคมมีประสิทธิภาพและผลิตผลมากขึ้น สร้างงานและโอกาสการลงทุน รวมถึงสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
“ปัจจุบัน ระบบสาธารณูปโภคหลักส่วนใหญ่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีไอซีที อาทิ ระบบการจ่ายไฟฟ้า น้ำ ศูนย์กลางการขนส่ง และอื่นๆ อีกมากมาย” มร. เทา กล่าว “ซึ่งทำให้สาธารณูปโภคด้านไอซีทีกลายเป็นหลักสำคัญทางเศรษฐกิจ ไม่เพียงแค่สำคัญต่อระบบน้ำ ไฟ หรือโลจิสติกส์ แต่ยังรวมไปถึงการสร้างเสริมในด้านต่างๆ การเข้าถึงบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตทำให้คนได้รับการศึกษา เริ่มต้นธุรกิจ สร้างงานและอื่นๆ อีกมากมาย”
“องค์กรเอกชนก็ต้องเล่นตามบทบาทของตัวเอง” มร. เทา กล่าว “นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเมื่อ 30 ปีก่อน Huawei ได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยงบประมาณแต่ละปีกว่าร้อยละ 10 ของรายได้รวมของบริษัท ในปีที่ผ่านมาบริษัทใช้งบกว่าร้อยละ 14 หรือราว 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เราเชื่อว่าการลงทุนนี้จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว ไม่เฉพาะกับ Huawei แต่กับทุกธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย”
สำหรับงานวิจัยฉบับนี้ Huawei เน้นศึกษาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 6 ด้าน โดยแต่ละเป้าหมายมีตัวชี้วัด 4 ตัวที่สอดคล้องกับตัวเลขของเป้าหมายในการประเมินความก้าวหน้า และดำเนินการเก็บข้อมูลตัวชี้วัดใน 15 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาที่มีระดับของพัฒนาการด้านไอซีทีที่ต่างกัน สำหรับตัวชี้วัดด้านไอซีที Huawei ใช้ตัวชี้วัด 11 ตัวจากดัชนีชี้วัดพัฒนาการด้านไอซีทีตัวล่าสุดของ ITU และทดสอบความสัมพันธ์โดยทบทวนประสิทธิภาพด้านไอซีทีและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแยกกัน แล้วจึงนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบกันเป็นมาตรฐานเดียวเพื่อสร้างเป็นมาตรฐานเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านไอซีที ประจำปี 2017
สามารถดูรายงานการวิจัยฉบับเต็มได้ที่ www.huawei.com/en/sustainabilit
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด