กสิกรไทยย้ำความแข็งแกร่งของ K PLUS ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง ก้าวข้ามดิสรัปชันด้วยยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตร่วมกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่กว่า 50 แบรนด์ในการพัฒนา “Digital Lifestyle Ecosystem” อย่างต่อเนื่อง เกิดรูปแบบบริการใหม่ของ K PLUS ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าผ่านช่องทางของพันธมิตรต่าง ๆ ส่งผลให้การใช้งานฟีเจอร์กลุ่มใช้จ่ายบนช่องทางออนไลน์ (Online Lifestyle Payment) เพิ่มสูงขึ้น 43% เทียบกับปีที่แล้ว ตอบโจทย์ความหลากหลายของการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้ามีลูกค้าใช้งาน K PLUS รวม 15 ล้านรายในปีนี้ โดยเป็นลูกค้าใหม่ 1.6 ล้านราย และมีปริมาณการทำธุรกรรมทางการเงินรวมทุกประเภทกว่า 2,900 ล้านรายการ
คุณพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา K PLUS ได้พัฒนาเพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการสร้าง “Digital Lifestyle Ecosystem” เต็มรูปแบบ โดยธนาคารได้นำศักยภาพด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และความเชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชันทางการเงินอย่างครบวงจรมาทำงานร่วมกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำระดับโลกที่มีสินค้าและบริการที่ลูกค้าใช้เป็นประจำทุกวัน เชื่อมโยงให้ K PLUS ไปอยู่ทุกที่ที่ลูกค้าต้องการใช้จ่ายทุกรูปแบบในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ลูกค้าทำได้เอง ง่าย ๆ สะดวก ต่อเนื่องไม่มีสะดุด และปลอดภัย ไม่ต้องสลับหน้าจอ จบได้ภายในแอปที่ลูกค้าใช้เป็นประจำทุกวัน
ปัจจุบันมีลูกค้าล็อกอินเข้าใช้งาน K PLUS มากถึง 4 ล้านคนต่อวัน มีปริมาณการทำธุรกรรมทางการเงินประมาณ 10 ล้านรายการต่อวัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 50% ของปริมาณธุรกรรมการเงินทั้งหมดของประเทศ ยุทธศาสตร์สำคัญคือ การทำให้ K PLUS เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งและครบวงจรมากยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมโยงและตอบโจทย์ทุกคนที่อยู่ใน Digital Lifestyle Ecosystem ทั้งลูกค้า พันธมิตรชั้นนำ และธุรกิจต่าง ๆ ศักยภาพดังกล่าวจะนำไปสู่โอกาสในการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ และสร้างโอกาสธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ให้กับธนาคาร โดยยุทธศาสตร์สำคัญประกอบด้วย
1) ขยายเครือข่ายพันธมิตรรายใหญ่ทั้งระดับโลกและระดับประเทศ ในรูปแบบ Open Banking API ผ่านโครงสร้างเทคโนโลยี ‘Powered by KBank’ เชื่อมโยงบริการระหว่างธนาคารกับลูกค้าของกลุ่มพันธมิตรให้ใช้งานได้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องออกจากแอป จบได้ในแอปเดียว ปัจจุบันมีพันธมิตรชั้นนำที่เชื่อมต่อ API กับระบบธนาคารกว่า 50 แบรนด์ เช่น กลุ่มซูเปอร์แอป Grab และ LINE กลุ่มอี-คอมเมิร์ซ เช่น Lazada และ Shopee กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ เช่น Central JD FINTECH และ JD Central กลุ่มธุรกิจพลังงาน เช่น PTTOR และ Blue CONNECT สถาบันการศึกษา เช่น โครงการ CU Nex จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2) ศักยภาพของบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ บน K PLUS และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางเทคโนโลยีให้กับธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารและ KBTG ยังได้ดำเนินการวางโครงสร้างด้านเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมทางการเงินปริมาณมหาศาลให้มีความปลอดภัย เพื่อรองรับการเติบโตของ K PLUS ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
3) เพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้กับ K PLUS ด้วยการเชื่อมต่อกับนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์โดย KBTG เพื่อทำให้ธนาคารเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น ขุนทอง โซเชียล แชทบอท (Social Chatbot) บนแพลตฟอร์ม LINE ช่วยจัดการธุรกรรมการเงินขนาดย่อม (Micro-transactions) ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบรวมกลุ่มตั้งกรุ๊ป LINE เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กินข้าว เก็บเงินเที่ยว โดยลูกค้าสามารถผูกบัญชี K PLUS กับขุนทอง ช่วยให้การเก็บเงินชาวแก๊งค์เป็นเรื่องง่าย
ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ของ K PLUS ด้วยคอนเซปต์ #ชีวิตจริงใช้จริง ใช้ความเรียลในชีวิตของคนใช้ K PLUS จริง เพื่อตอกย้ำว่า K PLUS เป็นแบรนด์ที่อยู่ในชีวิตจริงของทุกคน ก้าวล้ำด้วยการจับมือกับแพลตฟอร์มระดับโลกในการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้การใช้ชีวิตของลูกค้าทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์สะดวก ง่าย ปลอดภัย ไม่มีสะดุด ตอบรับไลฟ์สไตล์นิวนอร์มอล (New Normal) ที่คนส่วนใหญ่หันมาช้อปปิ้งออนไลน์ สั่งอาหารเดลิเวอรี เล่นเกมออนไลน์ และหลีกเลี่ยงการใช้เงินสด เช่น ฟีเจอร์โอนจ่ายสะดวกด้วยการแชร์ QR ผ่าน LINE, ช้อปออนไลน์จ่ายสะดวกผ่านแชทบน Facebook Messenger, เติมเงินใช้บริการของซูเปอร์แอป Grab, เติมเงินเกม Garena ผ่าน www.termgame.com โดยฟีเจอร์ในกลุ่มดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 43% เทียบกับปีที่แล้ว และมีปริมาณการทำธุรกรรมตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2563 รวมกว่า 394 ล้านรายการ
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายมีลูกค้าใช้งาน K PLUS รวม 15 ล้านราย โดยเป็นลูกค้าใหม่ 1.6 ล้านราย และมีปริมาณการทำธุรกรรมทางการเงินรวมทุกประเภทกว่า 2,900 ล้านรายการ ในปีนี้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด