LINE ประเทศไทย เผยทิศทาง LINE for Business ปี 2021-2022 เดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้คนไทย ทั้งการดำเนินชีวิต และการดำเนินธุรกิจ มุ่งให้ความรู้พร้อมพัฒนาต่อเนื่องเครื่องมือธุรกิจบนแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นตัวเร่งสำคัญสำหรับการเติบโตและแข่งขันของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนหลังวิกฤต
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ใน 10 ปีที่ผ่านมา LINE ได้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงคนและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ภายใต้ภารกิจ Closing the distance และพัฒนากลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานการใช้ชีวิตดิจิทัลให้คนไทย ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับบุคคลเท่านั้น LINE เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ดิจิทัลได้ด้วยความง่ายและการเข้าถึงของการใช้งานด้วยคนไทยในทุกเพศ ทุกวัย และเมื่อเกิดวิกฤต COVID-19 ขึ้น เรายิ่งได้เห็นการปรับตัวของคนไทยเข้าสู่ดิจิทัลอย่างเต็มตัวผ่านการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม LINE เพิ่มมากขึ้นในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ LINE ในการเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
LINE ให้บริการลูกค้าธุรกิจ และ SME ภายใต้แบรนด์ LINE for Business ผ่านโซลูชั่นหลักคือ LINE Official Account (LINE OA) ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนฟีเจอร์ ฟังก์ชั่น และเครื่องมือมากมายที่สามารถต่อยอดเพื่อตอบโจทย์แต่ละกลุ่มธุรกิจบนโลกออนไลน์ พร้อมการเปิด API ให้ทุกกลุ่มธุรกิจสามารถเชื่อมต่อ LINE กับบริการของตนเองได้โดยง่าย ในประเทศไทย กลุ่มธุรกิจที่ LINE ได้เข้าไปมีบทบาทในการขับเคลื่อนสู่ดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัดเป็นกลุ่มแรก ๆ คือ
กลุ่มธุรกิจการเงิน (Financial Service) จนปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการใช้งาน Digital Banking มากที่สุดในโลก (อ้างอิง: Digital 2021 Report โดย We are Social & Hootsuite) โดย LINE พบยอดเติบโตของการใช้งาน Digital Banking ผ่าน LINE API ตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงต้นปี 2564 ในรายเดือน (Monthly API Message) เพิ่มขึ้นถึง 80%
โดยการให้บริการ Digital Banking service แทนที่การให้ข้อมูลของ Banking service เพียงอย่างเดียวเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากขึ้นถึง 2.8 เท่าในช่วงเวลาดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของกลุ่มธุรกิจการเงินและธนาคารในไทยในการใช้ LINE OA จากช่องทางการสื่อสารเป็นการให้บริการ Digital Banking และสร้างความคุ้นชินและเตรียมพร้อมให้ผู้บริโภคทั้งประเทศ สู่การบริการ Digital Banking อย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน วิกฤต COVID-19 ได้กลายเป็นปัจจัยเร่งให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลากหลายกลุ่มธุรกิจประสบความลำบาก และบางธุรกิจเห็นโอกาส ได้ปรับตัวก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ คือ
กลุ่มธุรกิจสินค้าหรูหรา (Luxury Brand) ในประเทศไทยโดยในช่วงปี 2562 - 2564 ที่ผ่านมา มีแบรนด์สินค้าหรูหันมาเปิดใช้งาน LINE OA เป็นช่องทางในการเข้าถึงฐานลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นโดยรวมถึง 60% โดยแบรนด์หรูที่เปิดใช้งาน LINE OA มากที่สุดคือ กลุ่มเครื่องสำอางหรู เป็นสัดส่วน 54% ของสินค้าหรูทั้งหมด ต่อมาคือแฟชั่นหรูในอัตราส่วน 35% และยานยนต์หรูมีการเปิดใช้งาน LINE OA ที่สัดส่วน 11% ทั้งนี้ ยังพบว่า แบรนด์กลุ่มแฟชั่นหรู แม้จะมีจำนวนผู้ติดตามโดยเฉลี่ยต่ำที่สุดเทียบกับแบรนด์กลุ่มเครื่องสำอางและยานยนต์หรู แต่กลับมียอดการพูดคุย สนทนาแบบหนึ่งต่อหนึ่งผ่าน LINE OA สูงที่สุดสูงถึง 5 พันข้อความในหนึ่งวัน มากกว่าแบรนด์กลุ่มแฟชั่นหรูถึง 60% ชี้ให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยน จากการบริการแบบตัวต่อตัว ในห้าง เป็นการบริการ สนทนาออนไลน์แบบตัวต่อตัว หรือ chat commerce แทน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะหลากหลายแบรนด์ดังชั้นนำระดับโลกในโลกตะวันตก สู่บริบทของการทำธุรกิจออนไลน์แบบโลกตะวันออก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการทำการตลาดของแบรนด์หรูชั้นนำระดับโลกเหล่านี้
ด้วยบทบาทการเป็นแพลตฟอร์มช่วยสร้างความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจดิจิทัลเพื่อเข้าถึงคนไทย ทั้งสำหรับกลุ่มธุรกิจการเงิน และ สินค้าหรูหรา (Luxury) ในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว ในปี 2564-2565 LINE มุ่งที่จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยองค์รวม โดยเน้นความสำคัญในส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ด้วยส่วนแบ่งใน GDP มากถึง 45% และมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ
ผลการสำรวจจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เผยถึง กลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤต COVID-19 คือ ธุรกิจอาหาร ซึ่งส่งผลต่อ GDP ลดลงถึง 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ
ท่ามกลางวิกฤตนี้ LINE พบว่า อัตราการเติบโตของ LINE OA โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน LINE OA เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดสุงถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% ด้วยเหตุนี้ LINE ประเทศไทยจึงมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มและเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจไทยเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับการใช้งาน LINE จากแค่เครื่องมือในการสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เพื่อที่จะสามารถแข่งขันในโลกยุคหลังโควิดต่อไป
นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กลุ่มองค์กรที่สำคัญที่สุดต่อการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ กลุ่มบริการสาธารณะต่าง ๆ ด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 49 ล้านคน LINE OA จึงกลายเป็นตัวกลางสำคัญสำหรับกลุ่มบริการสาธารณะ และองค์กรภาครัฐมากมาย ในการอัพเดทข้อมูล ให้ความรู้ และให้บริการให้ด้านต่าง ๆ แก่ประชาชนคนไทย อาทิ โรงพยาบาล สาธารณูปโภค น้ำ ไฟ การบริหารส่วนจังหวัด อำเภอ ชุมชนต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะในสถานการวิกฤตโควิด เช่น การนัดหมายโรงพยาบาล การแจ้งและรับชำระค่าไฟค่าน้ำ การรับข้อมูลข่าวสารสำคัญของชุมชน โดยไม่ต้องเดินทางมายังสถานที่ให้บริการ เป็นต้น ซึ่ง LINE เล็งเห็นว่าบริการสาธารณะต่าง ๆ เหล่านี้ แม้จะไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อภาคเศรษฐกิจ แต่ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญต่อประเทศไทยที่ควรผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนสู่โลกดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อองค์รวมของประเทศด้วยเช่นกัน
“วิกฤต COVID-19 ทำให้ภาคธุรกิจปรับตัวมาเป็นดิจิทัลกันแทบทั้งหมด หากแต่ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมาก LINE จึงพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือหลักในการทำธุรกิจของคนไทย เป็นตัวกลางเชื่อมโยงการทำธุรกิจออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ ผลักดันให้ทุกองค์กรธุรกิจสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพต่อยอดสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์รวมของไทยให้พร้อมในการแข่งขันกับธุรกิจในตลาดโลก บนบริบทใหม่ที่จะมาถึง”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด