ในปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถชำระเงินผ่าน LINK บนแพลตฟอร์ม DOSI โดยเชื่อมต่อ DOSI Wallet เข้ากับดิจิทัลวอลเล็ตแบบ Non-Custodial ของ LINK ที่เรียกว่า “DOSI Vault” โดยผู้ใช้งานยังคงสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิต Naver Pay และ Ethereum จาก DOSI Wallet ของตัวเองได้เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใช้งานเลือกชำระเงินผ่าน LINK ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่างๆ จะลดลงถึง 98% และความรวดเร็วในการทำธุรกรรมจะเร็วขึ้นกว่า 400 เท่า เมื่อเทียบกับการเลือกชำระเงินผ่าน Ethereum นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังจะได้รับคะแนนสะสมพิเศษสำหรับสมาชิกที่เรียกว่า DON ซึ่งคำนวณจากจำนวนเงินที่ทำการซื้อขายเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับการชำระเงินด้วยรูปแบบอื่นๆ
การเปิดบริการรับชำระเงินด้วย LINK จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ LINE NEXT สามารถขยายระบบการจ่ายเงินโดยใช้หลายสกุลเงินได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และมีแผนการที่จะเพิ่มทางเลือกในการรับชำระเงินในเร็วๆ นี้ ซึ่งการเปิดตัว LINK ในฐานะเครื่องมือการจ่ายเงินระดับสากลจะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศบล็อกเชนของ LINE ได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
ยัง ซู โก ซีอีโอของ LINE NEXT กล่าวว่า “การเปิดบริการรับชำระเงินด้วย LINK ทำให้ LINE NEXT เป็นแพลตฟอร์ม NFT แพลตฟอร์มแรกที่มีบริการจ่ายเงินด้วยหลายสกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นเครดิตการ์ด การจ่ายชำระผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ และสินทรัพย์คริปโต ซึ่งมอบทางเลือกที่หลากหลายกับผู้ใช้และจะช่วยขยายตลาด NFT รวมถึงกลไกเศรษฐกิจที่ดำเนินด้วยโทเคน (Token Economy) ของ LINK อีกด้วย”
ตั้งแต่เปิดตัวเวอร์ชันเบต้าในเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว DOSI ได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีจำนวนวอลเล็ตเปิดใหม่มากกว่า 1 ล้านวอลเล็ตบน LINE Blockchain นอกจากนี้ DOSI ยังเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 2 เมื่อเทียบจำนวนธุรกรรมกับแพลตฟอร์ม NFT อื่นทั้งหมด โดยมีจำนวนธุรกรรมมากถึงกว่า 5,000 ครั้งต่อวัน อ้างอิงข้อมูลจาก DappRadar ซึ่งเป็น NFT และ DeFi app store ชั้นนำ ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ จำนวนผู้เข้าร่วมอีเวนท์ที่จัดโดย DOSI Adventure มีจำนวนสูงถึง 300,000 คน โดย DOSI มีแผนที่จะเพิ่มโปรเจกต์ NFT อีกในอนาคตเพื่อขยายทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับ NFT ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด