มินเทล (Mintel) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก ได้เผยแพร่แนวโน้มของกลุ่ม ผู้บริโภคทั่วโลกประจำปี 2021 พร้อมทั้งนำเสนอรายงานการวิเคราะห์และรายละเอียดการตลาดเชิงลึก ชี้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงของตลาดตามแต่ละช่วง นวัตกรรมของแบรนด์ต่าง ๆ และโอกาสการพัฒนาบริษัท รวมไปถึงแบรนด์ต่างๆ ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้านี้
คุณแมธธิว แครบ ผู้อำนวยการ ด้านเทรนด์ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกของมินเทล ได้กล่าวถึง ลักษณะและเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนความสำคัญต่อแบรนด์และผู้บริโภคภายในปี 2021 ว่า
ในฐานะที่มินเทลเป็นบริษัทชั้นนำด้านข้อมูลตลาดระดับโลก เราจึงมีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและอิทธิพลที่ส่งผลต่อแบรนด์ต่างๆ โดยในปีที่ผ่านมา เราได้จัดทำรายงาน Global Consumer Trends 2030 ขึ้น โดยมีจุดประสงค์ที่จะสร้างและพัฒนารูปแบบการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดที่ผันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ในอนาคต โดยรูปแบบการวิเคราะห์นี้สอดคล้องกับทิศทางของเทรนด์ในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ที่มาเร็วขึ้น หรือเทรนด์ที่ชะลอตัวลง ซึ่งข้อมูลต่างๆ นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราปรับตัวหรือรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น หากแต่ยังช่วยให้ลูกค้าของเรามีเวลาในตั้งรับ และมองไปถึงเทรนด์ในอนาคตที่มนุษย์เราต้องการจะสร้างขึ้น หรืออยากหลีกเลี่ยงมัน
บทวิเคราะห์ใหม่ในปี 2021 ของเรายังคงให้ความสำคัญกับระบบปัจจัยการขับเคลื่อนเทรนด์ทั้ง 7 ของมินเทล (7 Trend Drivers) รวมไปถึงเสาหลักในการขับเคลื่อนเทรนด์ นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาถึงเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงแนวคิดของผู้บริโภคที่มีความลึกซึ้งกว่าเดิม และการตอบสนองจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ต้องสร้างกลยุทธ์ให้โดนใจผู้บริโภค เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีขึ้นตามที่ผู้บริโภคทั่วโลกต้องการ
ผู้บริโภคในปัจจุบันกำลังมองหาวิธีที่จะสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้กับตัวเองมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงพยายามใช้ชีวิตอย่างสมดุล และต้องการความรู้สึกอุ่นใจ รวมถึงการใช้ชีวิตที่มีระเบียบแบบแผน
สำหรับแบรนด์ใดที่ตั้งเป้าจะปรับภาพลักษณ์และโครงสร้างธุรกิจใหม่ วิธีการที่จะดึงดูดผู้บริโภคนั้นไม่ใช่การเน้นขายสินค้าและบริการเพียงอย่างเดียว แต่แบรนด์ควรสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภค เพื่อให้พวกเขาเห็นถึงความสำคัญของคุณค่าภายในตนเอง และพลังที่ผลักดันให้มนุษย์กล้าลองสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ความคิดส่วนรวมในสังคม (Collective Mentality) ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นได้กระตุ้นทัศนคติของผู้บริโภคให้เห็นถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ยังได้เกิดขึ้นกับสังคมที่มีวัฒนธรรมความเป็นปัจเจกสูง (Traditional individualistic culture) อีกด้วย โดยกระแสดังกล่าวได้ส่งเสริมให้มนุษย์ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนผิวสี (Black Lives Matter Movement) และการเรียกร้องเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก (Global Climate Strike) นับได้ว่าเป็นการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคต ทั้งกับมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อมบนโลก
ฉะนั้น แบรนด์จึงควรก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการพูดถึงประเด็นปัญหาเหล่านี้ ในทางตรงกันข้าม การเพิกเฉยต่อปัญหาต่างๆ ในสังคมอาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของแบรนด์ได้
ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังพบเจอกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงและต้องปรับตัวอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ ผู้บริโภคในปัจจุบันจึงได้เริ่มตระหนักและสำรวจการใช้จ่ายของตน พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่จำเป็น ซึ่งสรุปได้ว่า ผู้บริโภคเหล่านี้ไม่ได้มองหาแค่ความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่พวกเขายังคิดไปถึงเรื่องของความปลอดภัย การป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดตามมา รวมถึงความทนทานของผลิตภัณฑ์และคุณภาพบริการต่างๆ อีกด้วย
นี่จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ ที่จะสร้างและปรับเปลี่ยนธุรกิจของตนให้เป็นไปตามเทรนด์ดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ว่า แบรนด์สามารถมอบสิ่งที่คุ้มค่าและให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมแก่ผู้บริโภคได้
การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มโหยหาการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโลกมากกว่าที่เคย อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนในอีกหลายประเทศที่ต้องต้องกักตัวในที่พักอาศัย หรือเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งในจุดนี้ การให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันถือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง
ทัศนคติและความเข้าใจถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถเอาชนะความโดดเดี่ยวได้ ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะนำเสนอวิธีการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์สู่ผู้บริโภค
ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องได้เปลี่ยนแปลงประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภค นอกจากนี้ การรับชมสื่อบันเทิงในรูปแบบดิจิทัลยังสามารถสร้างพลังบวกและเชื่อมโยงผู้บริโภคเข้าด้วยกัน
ความนิยมของเกมส์และ E-Sports นับเป็นโอกาสของธุรกิจแบรนด์จากตลาดต่างๆ ที่จะร่วมจับมือกับสร้างไอเทมพิเศษในเกมส์ผ่านจากการสร้างสรรค์ออกแบบเกมส์ หรือขายสินค้าควบคู่ไปกับเกมส์อีกที
การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในปัจจุบันง่ายกว่าสมัยก่อนหลายเท่า ทำให้ผู้บริโภคต้องการที่จะเห็นความโปร่งใสจากแบรนด์ที่พวกเขาใช้บริการ รวมไปถึงวิธีการที่แบรนด์ต่างๆ วางแผนรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืน
ในปัจจุบัน ผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่ นี่จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ที่จะสร้างและพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค อาทิ การเน้นการผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเหลือชุมชน การสนับสนุนสังคมเพื่อจูงใจผู้บริโภคให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ดีขึ้น
ในยุคแห่งความไม่แน่นอน เทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นที่จะช่วยจรรโลงจิตใจแก่ผู้บริโภค เป็นที่รู้กันว่า เทคโนโลยีถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเราให้ดีขึ้น ถึงกระนั้น การพิจารณาบทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีต่อความรู้สึกของผู้บริโภคก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรจะศึกษาวิจัยไว้
E-Commerce และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนยุคปัจจุบัน ดังนั้น แบรนด์ต่างๆ ควรที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถของเทคโนโลยีในโลกดิจิทัล เพื่อมาวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมเชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่น่าเชื่อถือและต่อเนื่องแก่ผู้บริโภคได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด