สพฉ. จับมือ 8 พันธมิตร ร่วมมือพัฒนา แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ | Techsauce

สพฉ. จับมือ 8 พันธมิตร ร่วมมือพัฒนา แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จับมือ 8 พันธมิตร ร่วมมือในการพัฒนา National EMS Data Exchange Platform หรือ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ

สพฉ. จับมือ 8 พันธมิตร ร่วมพัฒนา National EMS Data Exchange Platform ยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ

โดยพันธมิตรทั้ง 8 ได้แก่ สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร), ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศสํานักปลัดกระทรวงสาธารณสุข, บริษัท โทรคมนาคมแหง่ ชาติ จํากัด (มหาชน) ( NT), สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ, บริษัท Microsoft และบริษัท คอราไลน์ จํากัด 

เนื่องจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เล็งเห็นถึงความสําคัญในเรื่องของการปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และการขับเคลื่อนภารกิจด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยข้อมูล เพื่อนําไปสู่การยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในรูปแบบดิจิทัลทั้งระบบ 

จึงได้มีการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดโครงการการปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และจัดทําเครื่องมือสําหรับการบริหารจัดการข้อมูล หรือ เป็นแพลตฟอร์มกลางสําหรับการบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินของทั้งประเทศ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยใช้ชื่อโครงการว่า National EMS Data Exchange Platform ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ 7 ข้อ ดังนี้

1. เพื่อให้มีนโยบายธรรมาภิบาลข้อมูล และมาตรฐานของข้อมูล (Data Governance) 

2. เพื่อให้มีข้อมูลในเชิงคุณภาพทีสามารถบริหารจัดการได้ (Data Quality Control) 

3. เพื่อให้มีมาตรฐานการเข้าถึงข้อมูล (Data Access Control)

4. เพื่อให้มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security Control)

5. เพื่อให้มีระบบศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูล และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมาตรฐานในระดับประเทศ สําหรับการขับเคลื่อนภารกิจด้านการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน 

6.เพื่อให้ระบบฯสามารถเป็นช่องทางสําหรับการแลกเปลี่ยนเชื่อมต่อบูรณาการและเปิดเผยข้อมูลของ ระบบการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบ

7.เพื่อนําข้อมูลที่ได้จากระบบไปสู่การวิเคราะห์ ปรับปรุงการให้บริการและการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินของประชาชนได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง เท่าเทียม อย่างมีมาตรฐาน และทันสมัย

สําหรับองค์ประกอบที่สําคัญของการพัฒนาโครงการ ประกอบไปด้วย

  • นโยบายธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance)

  • มาตรฐานชุดข้อมูล (Data Set and Standard)

  • มาตรฐานการเข้าถึงข้อมูล (Data Access Control)

  • การบริหารจัดการข้อมูลเชิงคุณภาพ (Data Quality Control)

  • การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security Control)

นาวาเอกนายแพทย์พิสิทธิ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า หากมีระบบในการจัดการ แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นรูปธรรม จะทําให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยรูปแบบของการดําเนินการของโครงการจะเป็นการปฏิรูปองค์กรเพื่อเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล 

และการพัฒนา National EMS Data Exchange Platformโครงการดังกล่าวจะส่งผลประโยชน์สูงสุดทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนในด้านของการบูรณาการ แลกเปลี่ยน เชื่อมโยงข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนในระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ที่สําคัญยังส่งผลต่อประชาชนในภาพรวม ประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างเท่าเทียม ทั่วถึงตามเจตนารมย์ของสถาบันการแพทฉุกเฉินแห่งชาติ 

และตามเจตนารมย์นโยบายของประเทศในเรื่องของการที่จะทําให้ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เป็นระบบหนึ่งในการรับประกันความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น ความสามารถด้านการแข่งขันในเชิงเศรษฐกิจ เชิงโครงการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ National EMS Data Exchange Platform จะมีลักษณะสําคัญ 5 ประการ ดังนี้

1. ให้บริการในรูปแบบ One Stop Service 

2.ให้บริการได้โดยไม่ต้องใช้สําเนาเอกสาร

3. มีความโปร่งใส แม่นยํา ตรวจสอบได้

4. มีการอัพเดทข้อมูลโดยอัตโนมัติ (Real-Time Dashboard)

5. หน่วยงานเจ้าของข้อมูลสามารถจัดเก็บและดูแลข้อมูลเองโดยเชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐการพัฒนาโครงการแพลตฟอร์มกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน 

"จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ โดยในแต่ละหน่วยงาน จะให้ความสนับสนุนตามความสามารถ และความถนัดของหน่วยงาน ทั้งนี้ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วม ต่างมีความตั้งใจเดียวกัน คือ การเห็นความสําเร็จของโครงการนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นต้นแบบของการใช้ประโยชน์จาก Big Data และการทํางานด้วยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้โครงการอื่นๆ ต่อไป" นาวาเอกนายแพทย์พิสิทธิ กล่าวทิ้งท้าย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

“พร้อมเพย์” 8 ปีแห่งการพลิกโฉมระบบการเงินไทย ระบบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนไทย

พร้อมเพย์ครบรอบ 8 ปี กับการเปลี่ยนโฉมระบบการเงินไทย สู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ จากโอนเงินง่ายๆ ด้วยเบอร์โทรศัพท์ สู่การเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามประเทศ พร้อมก้าวสู่อนาคตการเงิน...

Responsive image

ttb spark REAL change: จุดประกายไอเดียสร้างสรรค์เพื่อชีวิตทางการเงินที่ยั่งยืน

เตรียมพบกับงาน “ttb spark REAL change” งานแสดงนวัตกรรมดิจิทัลครั้งใหญ่ของ ทีทีบี ที่ชวนมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ไอเดียที่สร้างสรรค์ ตอบโจทย์ และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้...

Responsive image

Tech Provider ห้ามพลาด! ร่วมปั้น SMEs บุกตลาดใหม่กับ ETDA พร้อมทุนสนับสนุน 4.5 แสนบาท

ETDA เดินหน้าสานต่อ “SMEs GROWTH” ภายใต้ โครงการยกระดับนวัตกรรมด้านดิจิทัลเชิงพื้นที่ ประจำปี 2568 โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถปรับตัวและเติบโตอย่าง...