พนัส แอสเซมบลีย์ ร่วมกับ สวทช. เฟ้นหาสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์เป็นรายแรกของไทย | Techsauce

พนัส แอสเซมบลีย์ ร่วมกับ สวทช. เฟ้นหาสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์เป็นรายแรกของไทย

บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ได้ริเริ่มโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017 ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพด้านธุรกิจโลจิสติกส์ (LogTech) เป็นรายแรกของประเทศไทย ร่วมเข้าคอร์ส ติวเข้ม ผลักดันนวัตกรรมหรือไอเดียที่เป็นไปได้สู่การนำไปใช้จริงในภาคการขนส่ง ส่อจัดตั้งกองทุน หนุนสตาร์ทอัพ หวังต่อยอด Open Innovation เพื่อพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ให้แข็งแกร่งทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมเชื่อมโยงและยกระดับอุตสาหกรรมภาคการขนส่งของประเทศ

คุณพนัส วัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ผู้นำตลาดในภาค ธุรกิจขนส่งมากว่า 47 ปี กล่าวว่า บริษัทพนัสฯ เป็นบริษัทคนไทยที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การขนส่งมาโดยตลอด ธุรกิจเริ่มต้นจากการต่อประกอบรถกะบะบรรทุกและสิบล้อไม้ สำหรับใช้บรรทุกข้าวและสินค้า ทางการเกษตร ต่อมาได้มีการพัฒนานวัตกรรมรถประเภทอื่นๆ ป้อนเข้าสู่ระบบการขนส่งภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยพนัสฯ เป็นบริษัทแรกที่ริเริ่มผลิตรถพ่วงและรถกึ่งพ่วง ผลิตรถคอนเทนเนอร์พื้นเรียบและแชสซีคอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิตและส่งออก ไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ลาว พม่า กัมพูชา ฯลฯ และพัฒนาการออกแบบการผลิตรถขนส่งคุณภาพสูงหลายประเภท ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศด้วย

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้แบ่งธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

  • กลุ่มรถเพื่อใช้ในการขนส่ง (Logistics)
  • กลุ่มสินค้าเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ (Fabrication)
  • กลุ่มอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้นสนามบิน  (Ground Support Equipment)
  • กลุ่มรถที่ใช้ในราชการทหาร (Defense)
  • กลุ่มงานบริการ (Service) ซึ่งมีศูนย์บริการ Panus S Plus 100 สาขา และต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ เป็นต้น ในปี 2559 มีรายได้มาจากธุรกิจในประเทศ 60% โดยกลุ่มโลจิสติกส์ถือเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจส่งออก 40% การเติบโตของธุรกิจโดยภาพรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ต่อปี ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2020 จะเป็นผู้นำและเป็นผู้เชี่ยวชาญในภูมิภาคอาเซียน+6 เรื่องพาหนะ ระบบ อุปกรณ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า และเป็นผู้ให้คำตอบด้านการขนส่ง

“บริษัทฯ ตอบสนองภาคการขนส่งในประเทศเกือบ 100% และถือเป็นกระดูกสันหลังที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ ของแทบทุกอุตสาหกรรม หัวใจสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจขนส่งอย่างแข็งแรงจนถึงทุกวันนี้คือ การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการ และการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า ในแต่ละอุตสาหกรรมได้ ปัจจุบันเรามีแบบรถต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง และทำให้ต้นทุนของลูกค้าต่ำที่สุด และยังได้รับการรองรับจากกรมการขนส่งทางบกว่าเป็นอู่ผู้ผลิตระดับ 1

ปัจจุบันภาครัฐได้ยกระดับสตาร์ทอัพให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเป็นกลไลหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ของประเทศ เราเห็นว่ายังไม่มีกิจกรรมใดที่ให้การสนับสนุนนวัตกรรมด้านการขนส่ง รวมทั้งสร้างผู้ประกอบการใหม่ ที่เป็นสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์ หรือ LogTech จึงได้จัดทำโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017 ขึ้น เพื่อเป็นเวทีประกวดแนวคิดธุรกิจและโครงการด้านธุรกิจโลจิสติกส์เป็นครั้งแรกของประเทศไทย”

“ไอเดียหรือนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ที่มีศักยภาพ จะได้รับการสนับสนุนต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ตอบสนองอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศ หรือระดับภูมิภาคต่อไป ซึ่งบริษัทฯ เองมีแผนจะพิจารณา จัดตั้งกองทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพกลุ่ม LogTech เราเชื่อว่าหากนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง และทันเวลา จะเกื้อหนุนและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ภาคโลจิสติกส์ดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น กล่าวคือ ทันสมัย เร็วขึ้น ลดต้นทุน มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมีบทบาทที่สำคัญในการผลักดันให้เมกะโปรเจ็กต์ เช่น ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และ EECi  รถไฟความเร็วสูง เกิดเร็วขึ้นหรือแข็งแรงขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งย่อมจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศ”

คุณพนัสกล่าวเสริมว่า โครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017 ที่จัดประกวดในหัวข้อ “Logistics Innovation” พร้อมเปิดกว้างทุกไอเดียที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ เช่น ระบบบริหารคลังสินค้า การพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ หรือผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เช่น รถหรืออุปกรณ์สนับสนุนการขนส่งทางบก-อากาศ-น้ำ ตลอดจนการเชื่อมโยง ธุรกิจโลจิสติกส์เข้ากับธุรกิจอื่นๆ เช่น Logistics Market Place เป็นต้น โดยการประกวดจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ และกลุ่มนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่มีแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาธุรกิจด้านโลจิสติกส์

ด้าน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ภารกิจหลักของ สวทช. โดยศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คือ การสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ด้านเทคโนโลยี หรือ Tech Startup ให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจ เติบโต และดำเนินกิจการ ได้อย่างประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมามีการแบ่งเซ็กเตอร์ของสตาร์ทอัพออกเป็น 9 กลุ่ม อาทิ กลุ่มธุรกิจภาครัฐและการศึกษา (GovTech & EdTech) กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตแห่งอนาคต (IndustryTech) กลุ่มเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) กลุ่มเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (Propertytech) เป็นต้น แต่ยังคงมีเซ็กเตอร์หนึ่ง ที่ฝังตัวอยู่ในกลุ่ม IndustryTech คือ กลุ่มภาคการขนส่ง หรือ LogTech ซึ่ง ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. จึงร่วมมือกับบริษัทพนัสฯ ส่งเสริมสตาร์ทอัพกลุ่มนี้ในรูปแบบประชารัฐ ภายใต้โครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017 นอกจากจะเป็นการค้นหาบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์แล้ว โครงการดังกล่าว ยังเป็นสะพานเชื่อมสตาร์ทอัพเกิดใหม่ในกลุ่ม LogTech เข้ากับองค์กร บริษัทใหญ่ที่แสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ ในรูปแบบ Open Innovation ด้วย

“โลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต จัดอยู่ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve ที่รัฐบาล กำลังส่งเสริมและผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) สู่ประเทศไทย 4.0 LogTech จึงเป็นเซ็กเตอร์ที่มีศักยภาพสูง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการ ในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ หรือผลงานนวัตกรรม ด้านโลจิสติกส์ ทีมที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม LogTech BoothCamp ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญ ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มาเติมเต็มความรู้ แนวคิด ปรับปรุงแผนธุรกิจ และเป็นการเตรียมความพร้อม ในการแข่งขันรอบพิชชิ่ง เพื่อเฟ้นหาแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้จริง จึงเชื่อมั่นว่าจะก่อให้เกิดการร่วมลงทุนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ รวมทั้งการสร้างคอมมูนิตี้ของกลุ่มโลจิสติกส์อย่างแน่นอน”

รางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดผลงานในโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017

รางวัลสำหรับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป

  • ผู้ที่ชนะเลิศ จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 100,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ทั้งยังได้รับโอกาสในการไปดูงานโลจิสติกส์โลก ที่ประเทศเยอรมนี
  • รองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท
  • รองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตรการเข้าร่วมแข่งขันประกวดผลงาน

รางวัลสำหรับนิสิต/นักศึกษาที่ชนะการประกวดไอเดียธุรกิจ LogTech

  • ผู้ที่ชนะเลิศ จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตรการเข้าร่วมแข่งขันประกวดผลงาน
  • รองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตรการเข้าร่วมแข่งขันประกวดผลงาน
  • รองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตรการเข้าร่วมแข่งขันประกวดผลงาน

ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมประกวดในโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2017 ผ่านทางเว็บไซต์ www.panuslogtechaward.com ตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2560

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แอดวานซ์เทค ติดท็อป 5 ‘Best Taiwan Global Brands’ 7 ปีซ้อน ขับเคลื่อน Edge AI ด้วยมูลค่า 2.8 หมื่นล้าน

แอดวานซ์เทค (Advantech Co., Ltd.) ผู้นำด้านอุตสาหกรรม IoT ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 5 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกของ "2024 Best Taiwan Global Brands" ด้วยมูลค่าแบรนด์ 851 ล้านดอลลาร์...

Responsive image

PLEX MES ก้าวสู่อนาคต ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต ด้วย Smart Manufacturing Solutions

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา วงการอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการแนะนำ PLEX MES โซลูชันที่เปรียบเสมือน "สมองดิจิทัล" สำหรับโรงงานยุคใหม่ ระบบนี้ถูกออกแบบ...

Responsive image

ทีทีบี คว้ารางวัลธนาคารที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าธุรกิจ Thailand Best Bank for Corporates

ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) คว้ารางวัล Thailand Best Bank for Corporates จาก Euromoney Awards 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยโซลูชันดิจิทัลและความยั่งยืนผ่านกรอบ B+ESG พร...