ในยุคที่โลกทั้งใบกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการขาดแคลนพลังงาน การ “ทำธุรกิจแบบเดิม” ไม่เพียงพออีกต่อไป การเติบโตต้องมาคู่กับ “ความยั่งยืน” และการผลิตต้องคำนึงถึง “ผลกระทบในระยะยาว”
วันนี้องค์กรไม่เพียงถูกตั้งคำถามว่า “ขายได้เท่าไร” แต่ถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า
“สร้างคาร์บอนแค่ไหน?”
“ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่?”
“ธุรกิจเติบโตแล้ว โลกเสียอะไรไปบ้าง?”
ท่ามกลางบริบทนี้ ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่จากที่เคยแข่งขันกันด้วย “ต้นทุน” และ “ปริมาณการผลิต” กำลังกลายเป็นการแข่งขันด้วย ข้อมูล ความแม่นยำ และความโปร่งใส
การจะเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่มีสินค้าคุณภาพดี แต่ต้องสามารถ “แสดงให้เห็น” ได้ด้วยว่า องค์กรของคุณมีระบบที่สามารถติดตาม ควบคุม และรายงานการใช้พลังงาน การปล่อยคาร์บอน และการดำเนินการด้าน ESG ได้อย่างเป็นระบบ
และนี่คือจุดที่เทคโนโลยีไม่ใช่แค่ “ตัวช่วย” แต่กลายเป็น “หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่าน” สู่การเป็น Sustainable Business อย่างแท้จริง
ภายใต้ความท้าทายนี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา Quick ERP ได้เปิดตัว Quick Carbon R และ Quick Energy โซลูชันเพื่อการตอบโจทย์การผลิตที่ต้องการความแม่นยำ โปร่งใส และสอดรับกับมาตรฐาน ESG อย่างเป็นทางการในงาน AUTOMATION EXPO 2025 ณ ศูนย์ประชุม NICE พัทยา โดยคุณไพศาล แซ่ลี้ กรรมการผู้จัดการของ Quick ERP เป็นผู้บรรยาย นับเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมไทยในการขับเคลื่อนสู่ Sustainable Business อย่างเป็นรูปธรรม
งานเปิดตัว Quick Carbon R และ Quick Energy ของ Quick ERP ในครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือการส่งสัญญาณสำคัญไปยังอุตสาหกรรมไทยว่า…
"ความยั่งยืน" ไม่ใช่เป้าหมายในอนาคต แต่คือ "มาตรฐานใหม่" ที่องค์กรต้องพร้อมตั้งแต่วันนี้
ในวันที่ “ความยั่งยืน” กลายเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ คำถามสำคัญที่องค์กรต้องตอบให้ได้คือ
"เราปล่อยคาร์บอนเท่าไร?"
"กระบวนการไหนคือจุดที่สร้างผลกระทบมากที่สุด?"
"เราจะลดคาร์บอนได้อย่างไร?"
แต่ความท้าทายที่แท้จริงไม่ใช่แค่การวัดผล แต่คือการวัดได้ “แม่นยำ” และ “ทันเวลา”
Quick Carbon R คือแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรที่ต้องการ ควบคุม ดูแล และรายงานการปล่อยคาร์บอน อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นระบบ รองรับการรายงานตามมาตรฐานสากลอย่าง GHG Protocol, ISO 14064 และ TGO Report ไม่ใช่แค่เพื่อผ่านมาตรฐาน แต่เพื่อสร้างโครงสร้างธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคต
ระบบนี้สามารถติดตามคาร์บอนฟุตพรินต์ทั้งในระดับองค์กร (CFO: Carbon Footprint for Organization) และระดับผลิตภัณฑ์ (CFP: Carbon Footprint of Product) ได้อย่างละเอียดและเรียลไทม์
โดยดึงข้อมูลจากระบบ ERP และ IoT เพื่อประมวลผลแบบอัตโนมัติ ทำให้องค์กรไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกรอกข้อมูลด้วยมือ หรือการตรวจสอบย้อนหลัง เช่น บิลค่าไฟฟ้า ผ่านเทคโนโลยี AI-OCR ข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลและวิเคราะห์โดย QOOT AI ซึ่งช่วยคาดการณ์แนวโน้มการปล่อยคาร์บอน
นอกจากนี้ ระบบยังรองรับ Carbon Ledger สำหรับบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตและโครงการ Offset โดยสามารถเชื่อมโยงกับแบบสอบถามภายในองค์กร เพื่อเก็บข้อมูลจากพนักงานหรือฝ่ายต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและบริหารคาร์บอนได้ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่ง Carbon Ledger ออกแบบมาเพื่อรองรับการเปิดเผยข้อมูลตาม “มาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยด้านความยั่งยืน IFRS S1 และ IFRS S2” ในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดสำหรับการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง และโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ เปรียบเทียบกับข้อกำหนดการรายงาน 56-1 One Report
คุณไพศาลกล่าวเสริมว่า
"หากข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์คาร์บอนยังมาจากการป้อนข้อมูลด้วยมือ องค์กรจะไม่มีทางมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงในการลดคาร์บอนได้ Quick Carbon R ช่วยให้ข้อมูลทั้งหมดกลายเป็นดิจิทัล และสามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างแท้จริง"
Quick Carbon R ไม่ใช่แค่ระบบติดตาม แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นกระบวนการที่ต้องปรับปรุง ลดจุดที่ปล่อยคาร์บอนสูง และวางกลยุทธ์สู่ Sustainable Business ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในยุคที่ลูกค้า นักลงทุน และพันธมิตรต้องการ “ข้อมูลจริง” มากกว่า “คำมั่นสัญญา”
Quick Carbon R คือคำตอบขององค์กรที่ต้องการ โปร่งใส พร้อมตรวจสอบ และยั่งยืนในระยะยาว
ในยุคที่ต้นทุนพลังงานพุ่งสูง และแรงกดดันจากภาคธุรกิจและสังคมเรียกร้องให้ทุกองค์กร “ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ”การบริหารจัดการพลังงานจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัด แต่เป็น ยุทธศาสตร์ขององค์กรที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน
Quick Energy คือโซลูชันบริหารพลังงานแบบครบวงจร ที่ช่วยให้โรงงานและธุรกิจสามารถ ติดตาม วิเคราะห์ และจัดการการใช้พลังงาน ได้อย่างเรียลไทม์ โดยใช้เทคโนโลยี IoT เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในโรงงานเพื่อดึงข้อมูลการใช้พลังงานของแต่ละเครื่องจักร พื้นที่ หรือกระบวนการผลิต
ข้อมูลจาก Quick Energy ไม่ได้ถูกรวบรวมไว้เพื่อดูย้อนหลังเท่านั้น แต่ถูกนำมาใช้ “ขับเคลื่อนการตัดสินใจ” ขององค์กรอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแดชบอร์ดสำหรับวิเคราะห์เชิงลึก การคำนวณต้นทุนการใช้พลังงานในแต่ละกระบวนการ หรือการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น การใช้ไฟฟ้า แก๊ส หรือน้ำที่เกินค่าที่กำหนด
เมื่อเชื่อมต่อ Quick Energy เข้ากับระบบ ERP หรือ MES ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเชื่อมโยงเข้ากับกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ ทำให้องค์กรมองเห็นภาพรวมการใช้พลังงานในทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำ รู้ว่าพลังงานส่วนใดที่ใช้เกินความจำเป็น เกิดขึ้นที่จุดใดของสายการผลิต และจะปรับปรุงอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด
แทนที่จะรอ “บิลสิ้นเดือน” เพื่อรู้ว่าใช้พลังงานไปเท่าไร Quick Energy ทำให้คุณรู้ทุกวินาที ว่าพลังงานถูกใช้อย่างไร และควรปรับตรงไหนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
คุณไพศาลกล่าวว่า
"โรงงานที่มีข้อมูลพลังงานแบบเรียลไทม์จะสามารถวางแผนการใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำขึ้น ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน Quick Energy ช่วยให้โรงงานเห็นข้อมูลในมุมที่ลึกขึ้น และสามารถนำไปใช้ปรับปรุงการดำเนินงานได้จริง"
นี่ไม่ใช่แค่การบริหารพลังงาน แต่คือการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในทุกมิติ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนในแบบที่วัดผลได้
แม้จะไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่การที่บริษัท UNIPRO MANUFACTURING CO., LTD. ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าของ Quick ERP เข้าร่วมงานเปิดตัว Quick Carbon R และ Quick Energy ก็เป็นการ “ตอกย้ำ” ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า องค์กรที่มองไกล ย่อมให้ความสำคัญกับการมีโครงสร้างดิจิทัลที่แข็งแรง
UNIPRO เป็นโรงงานผู้ผลิตที่มีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับการดำเนินงานให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องของ Data-Driven Operation และ Sustainability การเลือกใช้โซลูชันจาก Quick ERP ไม่ใช่แค่เพื่อ “ติดระบบ” แต่เพื่อสร้าง Digital Brain ให้กับองค์กร — สมองดิจิทัลที่คอยรวบรวมข้อมูลจากทุกจุด เชื่อมโยง ERP กับระบบ IoT และ Automation ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
ในงาน UNIPRO ยังแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลว่า
“ทุกการตัดสินใจที่แม่นยำ ต้องมีข้อมูลสนับสนุนที่ถูกต้อง และทันเวลา – และนั่นคือสิ่งที่ระบบของ Quick ERP ช่วยให้เราได้”
แม้วันนี้หลายองค์กรอาจยังไม่เริ่ม แต่ UNIPRO แสดงให้เห็นว่าการสร้าง “รากฐาน” ที่มั่นคงวันนี้ จะเป็น “ข้อได้เปรียบ” ที่ชัดเจนในวันพรุ่งนี้
ในวันที่องค์กรไม่สามารถมองเรื่อง “ความยั่งยืน” เป็นเพียงโครงการ CSR หรือภารกิจของฝ่ายสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป ESG กลายเป็นกลยุทธ์ธุรกิจหลัก ที่จะกำหนดความได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ, ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ, ไปจนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
Quick ERP เชื่อว่า “ความยั่งยืน” จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่มี “ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ” คอยสนับสนุน เพราะฉะนั้น เราจึงไม่หยุดเพียงแค่การเป็นผู้ให้บริการระบบ ERP แต่พัฒนาโซลูชันที่สามารถเชื่อมต่อได้กับทุกระบบภายในโรงงานและองค์กร ตั้งแต่ IoT, เครื่องจักร, จนถึงกระบวนการหลังบ้าน
เพื่อสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า Digital Brain ศูนย์รวมข้อมูลขององค์กร ที่จะช่วยให้คุณ ตัดสินใจแม่นยำขึ้น, ลดของเสียและต้นทุน และ รายงานข้อมูล ESG ได้ตามมาตรฐานสากล Quick Carbon R และ Quick Energy จึงไม่ใช่เพียง 2 โซลูชันใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ แต่มันคือกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้องค์กรของคุณเดินหน้าสู่เป้าหมาย ESG ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในวันที่การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ องค์กรที่ “พร้อม” เท่านั้น ที่จะเปลี่ยนแรงกดดันเป็น “ข้อได้เปรียบทางธุรกิจ”
การเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่การปรับตัวตามกระแส แต่คือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องเริ่มจากข้อมูลที่แม่นยำและระบบที่เชื่อมโยงกันทั้งองค์กร Quick ERP เข้าใจความซับซ้อนของการบริหารจัดการในภาคอุตสาหกรรมไทย และพัฒนาระบบที่ตอบโจทย์ได้จริง ทั้งในมุมของเทคโนโลยีและการดำเนินงาน
Quick ERP คือทีมผู้อยู่เบื้องหลัง Quick Carbon R และ Quick Energy โซลูชันที่ช่วยให้องค์กรมองเห็นคาร์บอนและพลังงานในมิติที่ลึกขึ้น พร้อมแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็นแนวทางในการลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเตรียมรับมือกับข้อกำหนด ESG ที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ
Quick ERP ไม่ได้ให้แค่ระบบ แต่ให้ความเข้าใจ มุมมอง และแนวทางที่ทำให้องค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างมีเป้าหมาย มั่นคง และทันเกมในโลกยุคใหม่
สามารถติดต่อ Quick ERP ได้ทางเว็บไซต์ https://quickerpthailand.com