บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ Rojukiss, PhDerma, Best Korea, Wonder Herb และ Sis2Sis ประกาศความพร้อมเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 152,641,540 หุ้น ชูจุดแข็งการออกแบบ พัฒนา และนำเสนอนวัตกรรมสินค้าในกลุ่มความงามและสุขภาพที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง
คุณวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ออกแบบ พัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ โดยมีวิสัยทัศน์ ‘ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านความงามและสุขภาพของเอเชีย’ หรือ True Health and Beauty Company ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมือง ทั้งด้านราคา ขนาด และบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกคุ้มค่า ภายใต้ 5 แบรนด์สินค้า ได้แก่ Rojukiss (โรจูคิส), PhDerma (พีเอชเดอร์มา), Best Korea (เบสท์ โคเรีย) Wonder Herb (วันเดอร์ เฮิร์บ) และ Sis2Sis (ซิสทูซิส) โดยจำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุม ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ร้านค้าทั่วไป และช่องทาง Direct-to-Consumer (D2C) ผ่านแพลทฟอร์ม Marketplace และ E-Commerce ได้แก่ www.rojukissth.com และ Line@Rojukiss ตลอดจนวางจำหน่ายในต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา และเตรียมขยายสู่ตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่น แตกต่าง และระบบบริหารจัดการเทียบเท่าบริษัทชั้นนำระดับโลก แต่มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นสูงในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคคนไทยและใน ASEAN ภายใต้ทีมผู้บริหารคนไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพมาอย่างยาวนานในระดับนานาชาติ รวมถึงการเป็นบริษัท Asset Light จึงมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ อย่างในช่วงสถานการณ์โควิดที่
ผ่านมา ทำให้เอื้อต่อการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่แตกต่างอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความต้องการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า รวมถึงการบริหารจัดการที่สร้างความได้เปรียบในเชิงประสิทธิภาพของนวัตกรรมและต้นทุนจากการมีเครือข่ายพันธมิตรผู้ผลิตสินค้าชั้นนำระดับโลก ตั้งแต่ปี 2560 – ไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าใหม่กว่า 97 ผลิตภัณฑ์ ที่ต่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคและสร้างการเติบโตให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมทั้งสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมี Rojukiss เป็นแบรนด์เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่เป็นที่นิยมในตลาดมากว่า 13 ปี และมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้าสำหรับผู้หญิงในปี 2562 โดยที่ผ่านมา Rojukiss ออกผลิตภัณฑ์อันเป็นนวัตกรรมใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์ Rojukiss มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว คิดเป็นร้อยละ 92 ในระหว่างปี 2560-2562 และในช่วง 9 เดือนแรกปี 2563 เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 25 และในปี 2563 นี้ Rojukiss ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement) เป็นครั้งแรก โดยบริษัทฯ พร้อมต่อยอดขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจร (Multi-category Brand) เพื่อก้าวสู่แบรนด์ที่มียอดขายมูลค่าพันล้านบาทในอนาคต นอกจากนี้ แบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Sis2Sis ที่มีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางแบบซองพร้อมก้านแปรงในตัว มียอดขายผลิตภัณฑ์ลิปสติกอันดับ 1 (ในเชิงปริมาณ) และที่ปัดขนตา (Mascara) มียอดขายเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย (ทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณ) ในปี 2562 ตามข้อมูลของ The Nielsen Company
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2560 – 2562 บริษัทฯ มีอัตราเติบโตของยอดขายเฉลี่ยร้อยละ 37.9 ต่อปี และกำไรสุทธิขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 81.8 ต่อปี โดยปี 2562 มียอดขายรวม 1,140.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 190.1 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-กันยายน) ทำยอดขายได้ 730.6 ล้านบาท จากการขยายพอร์ตสินค้าเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงามและการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวม 17 รายการ ขณะที่กำไรสุทธิ 139.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แบรนด์ Rojukiss มีส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาส 3/2563 เพิ่มขึ้นจาก 8.8% เป็น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในช่องทางร้านสะดวกซื้อ ตามข้อมูลของ The Nielsen Company
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายเป็นผู้นำด้านความงามและสุขภาพของเอเชีย โดยมีเป้าหมายที่รายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทภายในปี 2567 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 20 ต่อปีนับจากปี 2562 เปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของรายได้ของบริษัทฯ ที่ร้อยละ 39 ต่อปีในระหว่างปี 2560 – 2562 ผ่านกลยุทธ์การขับเคลื่อนการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยและในภูมิภาค ASEAN โดยมีแผนต่อยอดจากความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า 5 แบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ ที่จะเพิ่มความหลากหลายใน
ผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ (Multi-category Brand Portfolio) อย่างครบวงจร รวมถึงออกแบรนด์สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองที่ต้องการความสะดวกและคุ้มค่า (Health & Beauty Convenience) ภายใต้บรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ (Multi-format packaging) ขณะเดียวกันจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางขายทั้งหน้าร้าน (Offline) ออนไลน์ (Online) และ Direct-to-Consumer (D2C) เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เป็นผู้นำในประเทศไทย และช่วยขยายธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว และกัมพูชา
ล่าสุดบริษัทฯ ร่วมมือกับบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจบันเทิงครบวงจรชั้นนำ รุกช่องทาง Media Commerce เพื่อร่วมมือกันพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านทางแพลทฟอร์มสื่อต่างๆ ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยมีการลงนามในข้อตกลงกับบริษัทย่อยของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะเริ่มการจัดจำหน่ายภายในต้นปี 2564 เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ และภายในไตรมาส 3/2564 คาดว่าจะจัดตั้งกิจการร่วมทุน (Joint Venture) ร่วมกับบริษัทย่อยของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ นอกจากนี้ เพื่อเสริมสร้างพันธมิตรทางกลยุทธ์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ได้ให้สิทธิในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทฯ แก่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 9.9 ที่ราคา IPO ในภายหลังการจัดตั้ง Joint Venture และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
คุณวีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ล่าสุด ก.ล.ต. ได้นับ 1 ไฟลิ่งแล้ว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 309 ล้านบาท แบ่งเป็น 618 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 270 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 152,641,540 หุ้น หรือ คิดเป็นไม่เกิน 25.4% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (ก่อนใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของผู้บริหารและพนักงาน ตาม KISS ESOP) แบ่งเป็น (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 60,000,000 หุ้น (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 92,641,540 หุ้น เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า และช่องทางการขายตรงแก่ผู้บริโภค (Direct-to-Consumer) ขยายธุรกิจในต่างประเทศ ลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล และเพื่อชำระเงินคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด