ST Telemedia Global Data Centres ปฎิวัติวงการดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย | Techsauce

ST Telemedia Global Data Centres ปฎิวัติวงการดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย

ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเติบโต 20% ในช่วงปี 2563-2565 รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่ให้บริการโคโลเคชั่น หรือการให้เช่าพื้นที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์  มีการเติบโตอย่างมากในแง่ผู้ให้บริการที่มีการลงทุนมากขึ้นและลูกค้าที่เป็นผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าโคโลเคชั่นยังคงผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายหลักของลูกค้าที่มองหาดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางและเข้าถึงง่าย รวมทั้งระบบนิเวศที่สนับสนุนการให้บริการที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อโครงข่ายกลับไปยังออฟฟิศของลูกค้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีความเสถียร

ปฏิวัติทำเลยุทธศาสตร์สู่ศูนย์กลางการเชื่อมต่อแนวสามเหลี่ยม (Digital Milliarium Aureum)

เนื่องจากดาต้าเซ็นเตอร์เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นการเลือกตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกดาต้าเซ็นเตอร์ของลูกค้าองค์กร และผู้ให้บริการคลาวด์ทั้งหลาย โดยกรุงเทพฯ เป็นตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ การเป็นศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจของประเทศ สามารถเชื่อมโยงธุรกิจขนาดใหญ่ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่อยู่ใกล้ใจกลาง CBD เป็นที่ต้องการ เนื่องจากความสะดวกในการเข้าถึงบริการสนับสนุนต่าง ๆ ที่เพียบพร้อมและความสามารถในตอบสนองระดับการให้บริการ (Service Level) จะช่วยลดต้นทุนขององค์กรได้อย่างเหมาะสม 

การเข้าถึงระบบคมนาคม และสาธารณูปโภคหลัก ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกจากถนนหลักหลายเส้นทาง อยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่เข้า-ออกเมืองได้สะดวกรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าที่ต้องเข้ามาดำเนินการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ที่ดาต้าเซ็นเตอร์  ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการเดินทางอีกต่อไป อีกทั้งยังมีระบบนิเวศที่สามารถเชื่อมต่อโครงข่ายที่หลากหลายของผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ISP, และผู้ให้บริการเครือข่ายมากมาย

ด้วยเหตุผลข้างต้น ST Telemedia Global Data Centres (Thailand) มีกลยุทธ์ในการเลือกทำเลที่ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ บริเวณใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อแนวสามเหลี่ยม ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังกรุงเทพฯ เหนือ และไปยังเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อปฏิวัติและสร้าง Data Centre Platform สำหรับประเทศไทย

อีกทั้งเป็นที่แรกในไทยที่ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลอย่าง ST Telemedia Global Data Centres (Thailand) ได้มีการออกแบบโครงสร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์เป็นอาคารสูง (Vertical Purpose Build) ในพื้นที่ Campus ส่วนตัว ซึ่งมีการศึกษาวิเคราะห์ และนำข้อมูลมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ เพื่อให้สามารถปกป้องอาคารจากน้ำท่วม โดยมีการยกระดับอาคารสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ลูกค้าตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป โดยยกระดับความสูงจาก Mean Sea Level ถึง 12.2 เมตร ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินและข้อมูลอย่างแน่นอน รวมถึงไม่อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติที่รุนแรงไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว พายุ ไฟป่า และน้ำท่วม เป็นต้น 

ปฏิวัติมาตรฐานความปลอดภัย (Security)

ปัจจุบัน ข้อมูลถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของโลกในยุคนิวนอร์มอล ดังนั้น ข้อมูลจึงควรถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ดีจึงไม่ควรประนีประนอมเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยเนื่องจากหากถูกละเมิดทางข้อมูลอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อองค์กร เราจึงควรพิจารณาเลือกดาต้าเซ็นเตอร์ที่ได้รับมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้าง ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับสากล อาทิ TIA-942 Certification, Uptime Institute Tier III Certification ซึ่งจะให้การรับรองครอบคลุมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรคมนาคมและองค์ประกอบสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น ทำเลที่ตั้ง การออกแบบสถาปัตยกรรม โครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า โครงสร้างระบบ ระบบป้องกันอัคคีภัย และความปลอดภัยทางกายภาพ และการันตีความสามารถในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในระหว่างการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ 

นอกจากนี้ ความปลอดภัยทางกายภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง อาทิ ระบบป้องกันภัยหลายชั้น (Multi-Layer Security) การควบคุมการเข้าออก กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการประเมินความเสี่ยง Threat and Vulnerability Risk Assessment (TVRA) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานที่มีความปลอดภัยสูงสุด และมาตรฐาน ISO27001 (Information Security) และมาตรฐาน PCI-DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในการเก็บข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลที่มีค่าของลูกค้าจากการรั่วไหลทุกรูปแบบ 

ปฏิวัติมาตรฐานการดำเนินงาน (Operational Excellence)

ไม่มีทางลัดสู่ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ดังนั้นการเลือกดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญเฉพาะด้านและมีประสบการณ์นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อจัดการบำรุงรักษาอัตโนมัติ บุคลากรที่มีทักษะและมีการอบรมเฉพาะทางอย่างสม่ำเสมอ และกระบวนการการทำงานที่เป็นระบบตามมาตรฐานสากล สามารถส่งผลให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านพนักงานและการบำรุงรักษาด้านไอทีขององค์กรในระยะยาวได้เป็นอย่างดี

ปฏิวัติความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy)

การพิจารณาเลือกอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น หลอดไฟ LED ประหยัดไฟ ระบบหอระบายน้ำเย็นที่ไม่ใช้สารเคมี (Non-Chemical Cooling Plant) การนำน้ำที่ระบายจากหอระบายน้ำมาใช้ในห้องน้ำหรือรดน้ำต้นไม้ การเลือกใช้ทรัพยากรและแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อีกด้วย 

สุดท้าย การลงทุนสร้าง Substation เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าเรามีความสามารถในการขยายกำลังไฟเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในระยะยาว

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

SCB 10X เปิดเวที “Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand” เดินหน้าวิจัย AI ไทย พร้อมเปิดตัว ‘ไต้ฝุ่น 2.0’ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

SCB 10X เปิดตัว "ไต้ฝุ่น 2" โมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่สุดล้ำในงาน Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand พร้อมยกระดับวิจัย AI ไทยสู่เวทีโลก...

Responsive image

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 ภายใต้หัวข้อ “Chula-KBTG: AI for the Future”

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 มุ่งขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี AI สู่ยุคดิจิทัล...

Responsive image

ส.อ.ท. เตรียมจัด FTI EXPO 2025 รวมสุดยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรชั้นนำ จัดงาน FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด “4GO” ที่ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แ...