วอยซ์เวิร์ส ออริจินส์ (Voiceverse Origins) ซึ่งเป็น NFT รูปแบบเสียงคอลเลกชันแรกของโลก ได้วางขาย 8,888 NFT ต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา และทำสถิติขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากสำหรับ NFT บนบล็อกเชน Ethereum
ทั้งนี้ Voiceverse ก่อตั้งโดยสมาชิกกลุ่มบีเอวายซี (BAYC) รวม 3 คน เพื่อบุกเบิกตลาด NFT ยุคใหม่ด้วย NFT ที่มอบอรรถประโยชน์สูง ซึ่งเปิดทางให้ผู้ถือ NFT ได้เป็นเจ้าของเสียงในเมตาเวิร์ส โดยผู้ซื้อสามารถเพิ่มเสียงลงบนรูปโปรไฟล์ NFT ได้ นับเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับอัตลักษณ์และนามแฝงของแต่ละบุคคล
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือ NFT
1. สามารถใช้งานเสียงในโลกเมตาเวิร์ส ทั้งในเกม วิดีโอคอล และอีกมากมาย
2. สร้าง NFT เสียงได้จากเสียงของตนเองหรือคนที่คุณรัก โดยต้องได้รับการอนุญาตอย่างชัดเจน
3. มิกซ์ NFT เสียงต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้าง NFT เสียงชิ้นใหม่
4. เพิ่มเสียงลงบนรูปโปรไฟล์ NFT เพื่อสร้างชีวิตชีวาให้มากกว่าเดิม
โดย Voiceverse ได้รับการสนับสนุนจากโลโว (LOVO) บริษัทแม่ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในซานฟรานซิสโกและกรุงโซล โดยมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สำหรับสังเคราะห์เสียงพูด วอยซ์เวิร์สเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจร่วมลงทุน โดยมีพันธมิตรเป็นนักพากย์เสียงชื่อดังมากมาย อาทิ ชาร์เล็ต ชุง (Charlet Chung), แอนดี มิโลนากิส (Andy Milonakis) และจอนนี ครูซ (Jonny Cruz) และได้รุกเข้าสู่วงการ NFT อย่างเต็มกำลัง
หลังจากที่เปิดรอบพรีเซลไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ Voiceverse ก็ทำสถิติขาย NFT หมดเกลี้ยงในเวลาเพียง 10 นาที และติดเทรนด์ในทุกหมวดของแพลตฟอร์ม OpenSea อีกทั้งยังมียอดขายติดท็อป 10 ของแพลตฟอร์มด้วย ทั้งนี้ ด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งในด้านปัญญาประดิษฐ์และการสังเคราะห์เสียงพูด วอยซ์เวิร์สตั้งเป้าหมายที่จะเขย่าอุตสาหกรรมและสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับวงการ NFT เจนใหม่ในอนาคต
ทั้งนี้สามารถชม NFT ของวอยซ์เวิร์สบนแพลตฟอร์ม OpenSea https://opensea.io/collection/voiceverse-origins-nft