Wavemaker และ กรุงศรี ฟินโนเวต ลงทุน Series B ใน 24X เดินหน้ายกระดับตลาดซ่อมบำรุง

24X บริษัทสตาร์ทอัพผู้ให้บริการด้านงานซ่อมแซมบำรุงรักษาและติดตั้งแบบครบวงจรให้กับลูกค้าทั้งแบบ B2B และ B2C ผ่านพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีความหลากหลาย ประกาศความสำเร็จครั้งใหม่ในการระดมทุนรอบซีรีส์ บี โดยสองกลุ่มนักลงทุนระดับชั้นนำอย่าง เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์สและกรุงศรี ฟินโนเวต ในเครือกรุงศรี ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ 24X ในการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการเฉพาะทางด้านการซ่อมแซมบำรุงรักษาและติดตั้งครบวงจร

โดยธุรกิจการให้บริการของ 24X ประกอบไปด้วย

  1. 24 FIX บริการซ่อมแซมบ้านแบบ All-in-one สำหรับลูกค้าทั่วไป 
  2. 24 House Solution บริการต่อเติมและตกแต่งพื้นที่อยู่อาศัยภายใต้การควบคุมดูแลของนักออกแบบตกแต่งภายในและ Project Managers ตลอดการทำงาน 
  3. 24 FIX for Business บริการซ่อมแซมสำหรับลูกค้าธุรกิจอย่างมืออาชีพ 
  4. 24 Projects บริการออกแบบและก่อสร้างสำหรับลูกค้าธุรกิจ 
  5. VERTE ให้บริการด้าน Green Energy Solution เช่น การติดตั้งระบบพลังงานโซลาร์ และระบบชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) 

นายคณิศร มีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง 24X กล่าวว่า “24X เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่มีประสบการณ์กว่า 6 ปีในการให้บริการด้านงานซ่อมแซมบำรุงรักษา และติดตั้ง แบบครบวงจรให้กับลูกค้า และตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและทิศทางในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยมุ่งเน้นสนับสนุนลูกค้าภาคธุรกิจต่างๆ เสนอโซลูชั่นในการซ่อมแซมแบบครบวงจร และการติดตั้งงานกลุ่ม Green Energy งานโซลาร์เซลล์ รวมถึงเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า จนทำให้เราสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเราสามารถทำรายได้รวมกว่า 480 ล้านบาท ซึ่งโตกว่าปีก่อนถึง 2.5 เท่า และมากกว่าครึ่งมาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ความสำเร็จนี้ ตอกย้ำให้สองนักลงทุนระดับชั้นนำอย่าง เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์สและกรุงศรี ฟินโนเวต มั่นใจในศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของเรา เป็นผลให้เราสามารถระดมทุนในรอบ Series B ได้สำเร็จ”

นอกจากการบริการด้านงานซ่อมแซมบำรุงรักษา ติดตั้ง และโซลูชั่นเพื่อบ้านและธุรกิจแบบครบวงจรแล้ว 24X ยังมุ่งเน้นในการขยายบริการและโซลูชั่นที่ครอบคลุมธุรกิจกลุ่ม Green Energy ไม่ว่าจะเป็นงานติดตั้งระบบ Solar และจุดชาร์จยานพาหนะ EV ผ่านดำเนินงานภายใต้แบรนด์ ‘VERTE’ โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจด้านระบบโซลาร์อย่าง JA Solar และ TRINA รวมถึงอีกหลายแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกสามารถติดตั้งระบบพลังงานทางเลือกแบบครบวงจรไปแล้วกว่า 80 แห่ง ทั้งแบบ Engineering Procurement and Construction (EPC) และ Power Purchase Agreement (PPA) รวมทั้งสิ้นกว่า 20 เมกะวัตต์ (MW) และยังเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ AC และ DC มากว่า 2,000 แห่ง ให้กับแบรนด์รถ EV ชั้นนำอย่าง BYD, NETA, Changan, และ Aion รวมถึงสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ณ สถานีให้บริการน้ำมันอีกด้วย

Joel Ang Investment Principals ของบริษัท เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์ส กล่าวว่า “รูปแบบการบริการด้านการ ซ่อมแซม บำรุงรักษา  การติดตั้ง และรีโนเวทในปัจจุบันนั้น ยังมีโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนาได้อีกมาก โดยเฉพาะ ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัญหาที่มักพบบ่อย เช่น การขาดความโปร่งใสด้านราคา ปัญหาด้าน คุณภาพ กำหนดเวลาที่คลาดเคลื่อน มาตรฐานการบริการที่ไม่น่าเชื่อถือ ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และนี่คือเหตุผลที่เราเลือกจะสนับสนุน 24X บริษัทที่กำลังสร้างนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนี้ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ ลูกค้าจะไว้วางใจได้สำหรับบริการคุณภาพในราคาที่โปร่งใส ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการกำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบและเวลาส่งงานที่ชัดเจน และการสร้างเครือข่ายช่างฝีมือที่น่าเชื่อถือ ทำให้ 24X พร้อมที่จะตั้งมาตรฐาน ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงสร้างมูลค่าระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด” 

นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจด้านการก่อสร้าง ซ่อมบำรุง และโซลูชั่นด้านพลังงานทางเลือก ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งสิ้น และการที่ 24X เข้ามาตอบโจทย์ธุรกิจเหล่านี้ได้อย่างครอบคลุม ก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ เองก็มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยการลงทุนในรอบซีรีส์ B จะช่วยส่งเสริมให้ 24X สามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการเฉพาะทางด้านการซ่อมแซมบำรุงรักษา และติดตั้งครบวงจร”   

“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในขั้นต่อไป เราต้องการพุ่งเป้าไปที่การให้บริการด้านการซ่อมบำรุง ทั้งแบบ Preventive Maintenance (PM) และ Corrective Maintenance (CM) ธุรกิจจะสามารถไว้วางใจให้เราช่วยดูแลงานติดตั้งซ่อมแซมและบำรุงรักษาหลังบ้านด้วยประสบการณ์จากการบริหารงานกว่า 100,000 งาน พร้อมระบบ Digital Platform ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมา ได้แก่ Eagle Platform ระบบบริหารงานซ่อมแซม, Cheetah Platform สำหรับบริหารโครงการแบบศูนย์รวม และ Wolf App แอปพลิเคชันควบคุมงานช่าง ทั้งหมดนี้สร้าง Ecosystem ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้มั่นใจในคุณภาพบริการของเรา และสามารถทุ่มเททรัพยากรไปสู่การขยายธุรกิจสามารถทุ่มเทเวลาและทรัพยากรไปกับการขยายธุรกิจเป็นหลักได้” นายคณิศร กล่าวเสริม

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจซีแอนด์โค” ร่วมมือ “ฮาห์ม พาร์ทเนอร์” เปิดกลยุทธ์เสริมแกร่ง แบรนด์เกาหลีสู่ไทยและตลาด APAC

รู้จัก “One Asia Communications” การรวมตัวจาก บ.พีอาร์กว่า 10 ชาติในเอเชีย เสริมแกร่งงานสื่อสารข้ามประเทศ สร้างการเข้าถึงตลาด APAC ได้อย่างไร้รอยต่อ...

Responsive image

ส.อ.ท. จับมือ ม.มหิดล ลงนามความร่วมมือ ดันเกษตรอัจฉริยะ โครงการ SAI

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการนวัตกรรมต้นแบบ Smart Agriculture Industry (SAI) เพื่อการเรียนรู้และบ่มเพาะแนวทางเกษตรอ...

Responsive image

Grab เปิดตัว GrabExecutive หลังบริการเรียกรถพรีเมียมโต 50% พร้อมดึง VATANIKA ดีไซน์ชุดเครื่องแบบคนขับ

แกร็บเปิดตัว GrabExecutive บริการเรียกรถหรูระดับพรีเมียม โตแรง 50% เจาะตลาดนักธุรกิจ-นักท่องเที่ยวไฮเอนด์ พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รถหรู-คนขับมืออาชีพ-ดีไซน์ยูนิฟอร์มโดย VATANIKA...