วิเคราะห์ประเด็น รัฐบาลจีน ไล่เช็คบิล บริษัทเทค สี จิ้นผิง ต้องการอะไรจากเรื่องนี้ ? | Techsauce

วิเคราะห์ประเด็น รัฐบาลจีน ไล่เช็คบิล บริษัทเทค สี จิ้นผิง ต้องการอะไรจากเรื่องนี้ ?

ถ้าพอจำกันได้ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 เราก็ได้เผชิญกับข่าวใหญ่ที่สั่นคลอนทั้งวงการยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีน นั่นก็คือเหตุการณ์ที่ Ant Group บริษัทด้านเทคโนโลยีการเงินในเครือ Alibaba ของมหาเศรษฐี Jack Ma โดน รัฐบาลจีนระงับแผนเสนอขายหุ้นแก่สาธารณะ (IPO) กลางคัน ส่งผลให้ หุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นหายวับไปกับตา

ซึ่งเวลาผ่านไป ใครจะไปรู้ว่า นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นการแทรกแซงของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีเท่านั้น... 

เกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลจีน? แรงจูงใจเบื้องหลังการไล่เช็คบิลบริษัทเทคโนโลยีคืออะไร? แล้วผลกระทบ และราคาที่ต้องจ่ายหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ? 

รัฐบาลจีน

แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี กับการกำหนดอนาคตจีนในทุกมิติ

จุดเปลี่ยนที่ทำให้จีนได้กลับมาทบทวน และเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ  ที่ถือว่าเป็นสัญญาณเตือน ได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 ที่ผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ได้รวมตัวกันเพื่อหารือเสนอร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 5 ปี (Five-Year Plan) ฉบับที่ 14 เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรับปี 2021 จนถึง ปี 2025 

ซึ่งแผนการนี้ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม ปี 2021 แผนนี้มีความสำคัญสำหรับจีนมาก เพราะเป็นเหมือนรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจสังคมนิยมของจีน และที่ผ่านมากว่า 90% จีนก็สามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ และนำพาประเทศให้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศครั้งที่ 14 นี้แตกต่างกว่าครั้งก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากช่วงเวลาการวางแผนนั้นเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ที่จีนได้รับรู้ถึงศักยภาพทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ เผชิญกับความตึงเครียดทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ 

ยิ่งไปกว่านั้น การบังคับใช้แผนพัฒนา 5 ปีก็ได้เกิดขึ้นใกล้กับช่วงเวลาการครบรอบ 100 ปี ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนพอดีในปี 2021 นี้ จึงทำให้เป้าหมายหลักของแผนพัฒนาครั้งนี้จะต้องนำพาจีนไปสู่มหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกให้ได้ 

และการพัฒนาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องดำเนินการสอดคล้องกับความต้องการด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของชาติของพรรคคอมมิวนิสต์  เพื่อยกระดับในจีนก้าวขึ้นเป็น “เสี่ยวคัง” (Xiaokang) หรือ ประเทศสังคมนิยมที่มีความมั่งคั่งระดับปานกลาง

กล่าวได้โดยรวมว่า สังคมในอุดมคติของจีนต่อจากนี้ คือสังคมที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเท่าเทียม รวมไปถึงปัญหาความอดอยากจะต้องหมดไปจากประเทศ


โดยในเอกสารแผนพัฒนาธุรกิจระยะเวลา 5 ปี (Five-Year Blueprint) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ก็ได้ระบุว่า ทางการต้อง “ทำงานอย่างแข็งขัน” ในกฎหมายด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงความมั่นคงของชาติ เทคโนโลยี และการผูกขาด เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี และการแข่งขันทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมเป็นไปอย่างมีธรรมาภิบาล 

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ที่ดำเนินการไม่เข้าข่ายตามที่จีนวางแผนไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน จึงถูกสอดส่องและเรียกมาตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะธุรกิจรายใหญ่ที่มีรูปแบบการดำเนินการธุรกิจที่ผูกขาด มีเนื้อหาที่ไม่เหมาสม รวมไปถึงมีส่วนทำให้สังคมในประเทศเกิดความเหลื่อมล้ำในด้านใดด้านหนึ่ง 

จากเทคโนโลยี สู่อสังหาริมทรัพย์: รัฐบาลจีนปราบปรามธุรกิจแต่ละรายอย่างไรบ้าง

ในช่วงแรกเราอาจสังเกตว่าธุรกิจที่ถูกรัฐบาลจีนสอบสวนและดำเนินการลงโทษทางกฎหมายมักจะเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ อาทิ Ant Group, Alibaba, JD.com, Tencent ฯลฯ แต่แท้จริงแล้ว รัฐบาลจีนดำเนินการกับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 50 แห่ง จนทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จก็ดี หรือ Startup หน้าใหม่ที่พึ่งเกิดในตลาด ต่างหวั่นเกรงถึงมาตรการใหม่ของรัฐบาลจีนที่อาจปล่อยออกมาในเวลาใดก็ได้ โดยอุตสาหกรรมที่เจอแรงกดดันด้านกฎระเบียบของจีนในขณะนี้มีดังต่อไปนี้ 

อุตสาหกรรมเกม

แม้ว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเกมอาจไม่ได้ถูกรัฐบาลดำเนินการทางกฎหมายโดยตรง แต่ก็บอบช้ำทางอ้อมจากการที่หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้จำกัดระยะเวลาการเล่นเกมออนไลน์ของเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากรัฐบาลเกรงว่าการเล่นเกมเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่ออาการเสพติดเกมและมีผลต่อชีวิตประจำวัน

อุตสาหกรรม Sharing Economy 

สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (State Administration for Market Regulation - SAMR) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาว่าทางการจีนจะจับตามองธุรกิจที่ดำเนินการแบบ Sharing Economy หรือแบ่งปันทรัพยากรระหว่างผู้ใช้ที่มีท่าทีในทางที่ผูกขาดธุรกิจอื่นอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันพาหนะ (Ride-sharing) แบ่งปันจักรยาน (bike-sharing) แบ่งปันที่อยู่อาศัย (home sharing) แม้กระทั่งธุรกิจบริการชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน 

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังพิจารณาขายหุ้น IPO

ทางการจีนอยู่ระหว่างกำหนดระเบียบที่จะห้ามบริษัทเทคโนโลยีที่อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลไม่ให้ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา 

อุตสาหกรรม Cloud Computing

รัฐบาลจีนเตรียมสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลผ่าน Cloud ของตนเอง เรียกว่า “Guo zi yun” ซึ่งอาจส่งผลต่อวิถีการดำเนินการยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีคลาวด์อย่าง Alibaba, Huawei และ Tencent Holdings นอกจากนี้จีนยังได้เรียกร้องให้เทศบาลบางแห่งโยกย้ายข้อมูล Cloud จากบริษัทเอกชนอย่าง Alibaba Group และ Tencent Holdings ไปยังระบบ Cloud ที่สนับสนุนโดยรัฐ

อุตสาหกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัล

รัฐบาลจีนพยายามควบคุมบริษัทที่ใช้ทำงานด้วยเทคโนโลยีอัลกอริทึม อาทิ แพลตฟอร์ม E-Commerce และโซเชียลมีเดีย โดยหน่วยงานกำกับดูแลบริหารและจัดการไซเบอร์สเปซของจีน หรือ Cyberspace Administration of China (CAC)  ได้แถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ส.ค. ว่าบริษัทจะต้องปฏิบัติตามจริยธรรมทางธุรกิจ และหลักความเที่ยงธรรมของธุรกิจ และไม่ควรตั้งค่าอัลกอริทึมที่โน้มน้าวให้ประชาชนต้องใช้จ่ายสินค้าและบริการจนเกินความจำเป็น นอกจากนี้ยังกำหนดค่าปรับสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่ฝ่าฝืนแนวทางปฏิบัติว่าด้วยสิทธิผู้บริโภคและแรงงาน

ตัวอย่างที่เกิดขึ้น ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับของจีนก็ได้ปรับ JD.com แพลตฟอร์ม E-Commerce รายใหญ่ของจีนเป็นเงิน 300,000 หยวน ฐานที่บริษัทส่งเสริมการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัท 

อุตสาหกรรมไอดอลจีน

รัฐบาลจีนได้ปราบปรามวัฒนธรรมแฟนคลับของไอดอลจีน เนื่องจากว่ามีกรณีที่ศิลปินฝ่าฝืนกฎหมาย จึงทำให้จีนได้กำหนดให้แพลตฟอร์มบันเทิงต่าง ๆ ห้ามเผยแพร่รายการแข่งขันไอดอล และควบคุมการขายสินค้าของแฟนคลับ หลังจากที่มีการโต้เถียงว่าด้วยถึงราคาสินค้า และมีเหตุการณ์หลอกขายสินค้าของศิลปินดังกล่าว

อุตสาหกรรมการศึกษา

นอกจาก รัฐบาลจีนได้ออกกฎไม่ให้บริษัทโรงเรียนกวดวิชาแสวงหากำไรจากการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังรวมไปด้วยว่าศูนย์กวดวิชาภายในประเทศต้องลงทะเบียนเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ห้ามดำเนินการสอนวิชาที่มีอยู่แล้วในโรงเรียน และห้ามให้มีการสอนกวดวิชาในวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยสาเหตุหลักมาจากที่การมีอยู่ของโรงเรียนกวดวิชาทำให้เด็กต้องแข่งขันทางการเรียน และเกิดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาสำหรับเด็กบางส่วนที่เข้าไม่ถึงระบบการศึกษา

อุตสาหกรรม Fintech

ก่อนหน้าที่ Ant Group บริษัทบริการทางการเงินภายใต้การดูแลของ Alibaba จะถูกระงับการขายหุ้น IPO นั้น หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีนก็ได้ออกร่างกฎเกณฑ์ที่เรียกร้องให้มีการควบคุมการปล่อยสินเชื่อออนไลน์อย่างเข้มงวด ซึ่งส่งผลกระทบต่อ Ant Group ที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อออนไลน์ และอาจมีส่วนทำให้หน่วยงานกำกับดูแลระงับการเสนอขาย IPO ของ Ant Group ในเดือนเมษายน 2021

อุตสาหกรรมบริการรับส่ง (Ride-hailing) 

ในเดือนมิถุนายน 2021 หน่วยงานกำกับดูแลบริหารและจัดการไซเบอร์สเปซของจีน หรือ Cyberspace Administration of China (CAC)  ได้แจ้งให้ Didi Chuxing ผู้ให้บริการเรียกรถชั้นนำให้หยุดรับสมัครสมาชิกใหม่ อีกทั้งนำแอปพลิเคชันออกจาก App Store หลังจากจดทะเบียนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้ไม่กี่วัน โดยอ้างว่า Didi Chuxing ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค ซึ่งนำไปสู่การร่างข้อบังคับเพื่อดำเนินการตรวจสอบบริษัทให้ปลอดภัยก่อนที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ

อุตสาหกรรมบิทคอยน์ (Bitcoin) 

ในเดือนพฤษภาคม 2021 หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของจีนได้ห้ามธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ในการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางการชำระเงิน หรือรับการชำระเงินจากลูกค้า อีกทั้งยังออกมาตรการรัฐให้ควบคุมการขุด Bitcoin จนทำให้เหมืองขุดบิทคอยน์นั้นต้องปิดทำการทั่วประเทศในระยะสั้น 

นอกจากอุตสาหกรรมที่กล่าวข้างต้นนี้ Rory Green นักเศรษฐศาสตร์จาก TS Lombard คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมที่อาจได้ผลกระทบจากจีนต่อไปอาจเป็น อสังหาริมทรัพย์ และสุขภาพ (Healthcare) โดยให้เหตุผลว่าเป็นธุรกิจที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนั่นก็คือ สุขภาพและการอยู่อาศัย ซึ่งตลาดทุนของอุตสาหกรรมดังกล่าวเสาะหากำไรมากเกินไป อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของประชาชนได้ แน่นอนว่าเป้าหมายต่อจากนี้ รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นว่าจะรักษาระดับของราคาจากธุรกิจดังกล่าวให้สมเหตุสมผล ไม่ว่าใครก็เอื้อมถึงที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพที่ดี

ราคาที่ต้องจ่าย หลังรัฐบาลจีนไล่เช็คบิลบริษัทเทค

เบื้องต้นแล้ว การปราบปรามธุรกิจยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีนนั้นก็ได้สร้างความหวั่นเกรงให้กับนักลงทุนต่างชาติในช่วงเวลานี้ ซึ่งนับตั้งแต่จุดเริ่มของเหตุการณ์การสอบสวนธุรกิจ กระแสเงินไหลออกจากยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนไปกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราคาหุ้น Alibaba และ Tencent ปรับลงกว่า 40% 

ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช จำกัดระบุว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมนั้น มีเม็ดเงินไหลเข้าเพียง 1,400 ล้านบาทในกองทุนหุ้นจีน จากที่เคยเป็นดาวเด่น การตรวจสอบจากทางการจีนก็ได้ทำให้กองทุนหุ้นจีนมีผลตอบแทนติดลบมากที่สุด และต่ำที่สุดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา

เช่นเดียวกันนี้ จากเหตุการณ์ที่รัฐบาลจีนเข้าสอบสวนก็ได้ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนนั้นชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผนวกกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ก็ได้สร้างแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทาน และทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 

ซึ่ง Scott Kennedy ที่ปรึกษาอาวุโสและประธานผู้ดูแลผลประโยชน์ด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ของจีนที่ศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ ประเมินว่าจีนมีแนวโน้มที่จะเติบโตช้าจากการเน้นบริโภคภายในประเทศ และไม่สนับสนุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน 

นอกจากนี้ Kennedy มองอีกว่า หากรัฐบาลจีนได้เข้ามาสอบสวนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก ก็อาจจะทำให้เสถียรภาพของเศรษฐกิจของทั้งประเทศลดลงได้ ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์คิดสัดส่วนสูงสุด 29% ของ GDP ประเทศจีน 

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาไม่ให้แสวงหากำไรอาจสร้างอานิสงส์ต่อโรงเรียนรัฐบาล ทำให้เพิ่มบุคลากรที่มีความสามารถเข้าสู่ระบบมากขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาดูต่อไปว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้จีนนำไปสู่เป้าหมายที่ตนเองต้องการหรือไม่







ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

5 ข้อแตกต่างที่ทำให้ Jensen Huang เป็นผู้นำใน 0.4% ด้วยพลัง Cognitive Hunger

บทความนี้จะพาทุกคนไปถอดรหัสความสำเร็จของ Jensen Huang ด้วยแนวคิด Cognitive Hunger ความตื่นกระหายการเรียนรู้ เคล็ดลับสำคัญที่สร้างความแตกต่างและนำพา NVIDIA ก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับ...

Responsive image

เรื่องเล่าจาก Tim Cook “...ผมไม่เคยคิดเลยว่า Apple จะมีวันล้มละลาย”

Apple ก้าวเข้าสู่ยุค AI พร้อมรักษาจิตวิญญาณจาก Steve Jobs สู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดย Tim Cook มุ่งเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยีอีกครั้ง!...

Responsive image

วิจัยชี้ ‘Startup’ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จ

บทความนี้ Techsauce จะพาคุณไปสำรวจว่าอะไรที่ทำให้ วัย 40 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนักธุรกิจและ Startup หลายคน...