ส่องไอเดีย Biofase ไบโอพลาสติกจากเมล็ดอะโวคาโด ย่อยสลายเร็ว แข็งแรงกว่าพลาสติกทั่วไป | Techsauce

ส่องไอเดีย Biofase ไบโอพลาสติกจากเมล็ดอะโวคาโด ย่อยสลายเร็ว แข็งแรงกว่าพลาสติกทั่วไป

อะโวคาโดกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก โดยชาวเม็กซิโกบริโภคอะโวคาโดต่อหัวอยู่ที่ 8.1 กก. ยุโรป 1.33 กก. และสหรัฐอเมริกา 3.8 กก. 

รวมถึงยังกลายเป็นวัตถุดิบที่ร้านอาหารหลาย ๆ ร้านต้องการ ความนิยมเหล่านี้ส่งผลให้เกิดขยะจากชิ้นส่วนของอะโวคาโดที่คนไม่กิน อย่าง เมล็ด

หากปล่อยเมล็ดเหล่านี้ทิ้งไปก็จะกลายเป็นขยะ และไปจบลงที่การฝังกลบ บริษัทท้องถิ่นในเม็กซิโกอย่าง Biofase จึงผุดไอเดียนำเมล็ดอะโวคาโดมาเปลี่ยนเป็น Bioplastics เพื่อลดขยะจากอะโวคาโดและขยะพลาสติก

จุดเริ่มต้นของ Biofase

รูปภาพจาก unfuct.earth 

Scott Munguia วิศวกรเคมีผู้ก่อตั้ง Biofase พบว่าวงจรการผลิตและบริโภคอะโวคาโดสร้างขยะมากมายภายในประเทศ รวมถึงมองว่าขยะพลาสติกเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกพยายามหาทางแก้ไขกันมาตลอด 

จากผลสำรวจ ทั่วโลกทิ้งขยะพลาสติกประมาณ 350,000,000 เมตริกตันต่อปี และมีเพียงไม่ถึง 10% ที่นำมารีไซเคิล Bioplastics หรือพลาสติกชีวภาพ จึงเป็นทางออกที่ดีต่อทั้งเม็กซิโกและโลก 

Munguia เริ่มตั้งสมมติฐานจากไอเดียของคนอื่นที่นำข้าวโพดหรือมันฝรั่งมาทำ Bioplastics เขาคิดว่าเมล็ดอะโวคาโดก็มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งน่าจะทำได้

หลังจากวิจัยและพัฒนาจนค้นพบว่าโมเลกุลพืชในเมล็ดอะโวคาโดสามารถนำมาผลิต Bioplastics ได้ จึงเริ่มก่อตั้งบริษัท Biofase ในปี 2013 เพื่อผลิตและขายสินค้าจาก Bioplastics และจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้ของบริษัท

นอกจากนี้ความแตกต่างของ Bioplastics ที่บริษัทเน้นย้ำอยู่เสมอก็คือ พลาสติกของ Biofase ไม่ได้ทำมาจากแหล่งอาหาร เช่น ข้าวโพดหรือมันฝรั่ง เราเลือกใช้วัตถุดิบจากชิ้นส่วนที่ไม่เป็นที่ต้องการเท่านั้น

สินค้าของ BIOFASE

รูปภาพจาก 4eco.uk.com

สินค้าที่ผลิตมาจาก Bioplastics ของบริษัทจะเป็นของใช้ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ที่โดยปกติแล้วมักจะถูกผลิตด้วยพลาสติกธรรมดา เช่น ช้อนพลาสติก ส้อมพลาสติก มีดพลาสติก และหลอดพลาสติก ซึ่งการใช้ Bioplastics ก็ให้ทั้งความคงทนมากกว่าการใช้กระดาษ และย่อยสลายไวกว่าการใช้พลาสติกแบบธรรมดานั่นเอง

ประโยชน์ของ Bioplastics จากเมล็ดอะโวคาโด

  • ย่อยสลายเร็ว ใช้เวลาในการย่อยสลายเพียง 240 วัน (8 เดือน) พลาสติกปกติใช้เวลาถึง 500 ปี

  • ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลน้อยลง ทำให้ปล่อยมลพิษน้อยลงไปด้วย

  • มีสารปนเปื้อนน้อย เพราะผลิตมาจากเมล็ดพันธุ์ธรรมชาติ

  • ทนความร้อนและเย็น ได้ถึง 10℃-115℃

  • แข็งแรงกว่าพลาสติกทั่วไป

อ้างอิง: nostalgiademexico, worldbiomarketinsights, businessinsider


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

SAF เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน อุปสรรค และโอกาสครั้งใหญ่ของไทย ถอดแนวคิด Yap Mung Ching ผู้บริหารด้านความยั่งยืนแห่ง AirAsia

การเดินทางทางอากาศ แม้จะเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกัน แต่ก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลดคาร์บอนจึงเป็นภารกิจสำคัญของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก และเชื้อเพลิงการบินที่...

Responsive image

AirAsia จับมือ Airbus ผนึกกำลังลดคาร์บอน พัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน 'SAF' ในอาเซียน

AirAsia ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Airbus ผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำจากยุโรป เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ...

Responsive image

Deloitte ชี้ 85% ของผู้นำ ลงทุนด้านความยั่งยืน สะท้อนความตื่นตัวของภาคธุรกิจ

รายงาน Deloitte’s 2024 CxO Sustainability Report: Signs of a shift in business climate action ฉบับล่าสุดเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการรับรู้ของผู้นำธุรกิจระดับ C-suite ...