ทำไมราคาช็อกโกแลต ถึง ‘แพงขึ้น’ อย่างรวดเร็ว ? วิจัยชี้ Climate Change กำลังคุกคามโกโก้ | Techsauce

ทำไมราคาช็อกโกแลต ถึง ‘แพงขึ้น’ อย่างรวดเร็ว ? วิจัยชี้ Climate Change กำลังคุกคามโกโก้

ถ้าจะบอกว่านี่คือยุครุ่งเรืองของช็อกโกแลตก็คงไม่ผิดนัก ตั้งแต่กระแสช็อกโกแลตดูไบ ที่มาพร้อมไส้ซอสพิทาชิโอ้สุดละมุนและเส้นคูนาฟ่า ไปจนถึงเทรนด์ใหม่ล่าสุดอย่างเบอร์รี่เคลือบช็อกโกแลตที่กระจายไปทั่วโซเชียล แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนช็อกยิ่งกว่ารสชาติแสนละมุน ก็คือราคาที่พุ่งทะยานแตะกล่องละ 400 - 500 บาท แบบไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

จนเกิดเป็นคำถามที่หลายๆ คนสงสัยว่า ทำไมราคาช็อกโกแลตถึง ‘แพงขึ้น’ มากมายขนาดนี้ ?

หากติดตามข่าวสารสินค้าเกษตรจะพอรู้ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมา วัตถุดิบทางการเกษตรหลายชนิดมีราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในสินค้าที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดก็คือ โกโก้ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของช็อกโกแลต ราคาพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าตัว ภายในปีเดียว จนตอนนี้แพงกว่าราคาทองแดงไปแล้ว!

ผู้ประกอบการขนมหวานต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นหลายเท่าตัว และแน่นอนว่า... ราคาขายหน้าร้านก็ต้องปรับขึ้นตามไปด้วย แต่อะไรคือสาเหตุที่ทำให้โกโก้และช็อกโกแลตราคาสูงขึ้นขนาดนี้

สาเหตุหลักที่ราคาช็อกโกแลตถึง ‘แพงขึ้น’ อย่างรวดเร็ว

อุตสาหกรรมช็อกโกแลตทั่วโลกมีมูลค่ามหาศาลกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.58 ล้านล้านบาท) แต่ปัญหาคือ 70% ของโกโก้ทั้งหมดถูกปลูกในแอฟริกาตะวันตก โดยพึ่งพาแค่ 4 ประเทศหลัก ได้แก่ โกตดิวัวร์ กานา แคเมอรูน และไนจีเรีย

โกโก้ต้องการสภาพอากาศที่เฉพาะตัวถึงจะเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะเป็นฝนตกสม่ำเสมอ อุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไป ดินที่อุดมไปด้วยไนโตรเจน และร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ แต่ภาวะโลกร้อนกำลังทำลายทุกเงื่อนไขที่ต้นโกโก้ต้องการ โดยเฉพาะอุณหภูมิที่สูงเกิน 32°C ทำให้ต้นโกโก้ขาดน้ำ เติบโตช้าลง และให้ผลผลิตน้อยลง

จากการวิเคราะห์ของ Climate Central เผยข้อมูล ย้อนหลัง 2015-2024 พบว่า:

  1. ในปีที่ผ่านมา พื้นที่ปลูกโกโก้กว่า 2 ใน 3 ของแอฟริกาตะวันตกเจอวันร้อนจัดเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ส่งผลให้ต้นโกโก้ขาดน้ำ และให้ผลผลิตลดลง
  2. วันที่ร้อนเกิน 32°C ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการปลูกโกโก้เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 2-4 สัปดาห์ต่อปี
  3. ปริมาณฝนที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้เกิด ภัยแล้ง ดินเสื่อมโทรม และโรคพืชระบาด ทำให้ผลผลิตโกโก้ลดลงไปอีก
  4. อัตราการผสมเกสรของต้นโกโก้ลดลง เพราะอุณหภูมิที่สูงเกินไปทำให้แมลงที่ช่วยผสมเกสรลดจำนวนลง

นอกจากโกโก้จะมีปริมาณลดลงแล้ว นักวิจัยยังพบว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้รสชาติและเนื้อสัมผัสของโกโก้เปลี่ยนไป ซึ่งหมายความว่าแม้จะยังมีโกโก้เหลืออยู่ แต่ก็อาจไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่ใช้ทำช็อกโกแลตคุณภาพดี ทำให้ช็อกโกแลตที่มีรสชาติแบบดั้งเดิมยิ่งหายากขึ้นไปอีก ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาช็อกโกแลตพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ที่แย่กว่านั้นคือ ไม่ใช่แค่โกโก้ที่โดนผลกระทบจากภาวะโลกร้อน แต่น้ำตาลก็เจอปัญหาไม่ต่างกัน ปีที่ผ่านมาราคาน้ำตาลพุ่งสูง เพราะสภาพอากาศสุดขั้วทำให้ไร่อ้อยทั่วโลกลดการผลิตลง

อัลลา เซเมโนวา นักเศรษฐศาสตร์จาก St. Mary’s College of Maryland อธิบายว่า "การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศไม่ได้กระทบแค่ปริมาณโกโก้ แต่มันส่งผลต่อวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ทำช็อกโกแลต" แปลว่า ช็อกโกแลตอาจไม่ได้แค่แพงขึ้น แต่รสชาติและเนื้อสัมผัสก็อาจไม่เหมือนเดิม

พอราคาวัตถุดิบพุ่งสูง ผู้ผลิตช็อกโกแลตแบรนด์ดังอย่าง Mars และ Hershey ก็ต้องหาทางเอาตัวรอด บางแบรนด์ลดปริมาณโกโก้ในสูตร เพื่อควบคุมต้นทุน หรือแม้แต่พัฒนาขนมสูตรใหม่ที่ไม่มีโกโก้เลย เพื่อปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

การเปลี่ยนแปลงของราคาโกโก้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ราคาของโกโก้พุ่งขึ้น ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 ที่ราคาอยู่ที่ 10.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ/กิโลกรัม (ประมาณ 370 บาท/กก.) กระโดดไปแตะ 10.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ/กิโลกรัม (ประมาณ 385 บาท/กก.) ในเดือนมกราคม 2025 สิ่งนี้กำลังสะท้อนถึงวิกฤติที่อุตสาหกรรมช็อกโกแลตกำลังเผชิญ

ถ้าย้อนดูตัวเลขในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของราคาโกโก้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

  • มกราคม 2025 – 10.75 ดอลลาร์ (385 บาท/กก.)
  • ธันวาคม 2024 – 10.32 ดอลลาร์ (370 บาท/กก.)
  • พฤศจิกายน 2024 – 7.895 ดอลลาร์ (285 บาท/กก.)
  • ตุลาคม 2024 – 6.657 ดอลลาร์ (240 บาท/กก.)
  • กันยายน 2024 – 6.524 ดอลลาร์ (235 บาท/กก.)
  • สิงหาคม 2024 – 6.878 ดอลลาร์ (250 บาท/กก.)
  • กรกฎาคม 2024 – 7.089 ดอลลาร์ (255 บาท/กก.)
  • มิถุนายน 2024 – 8.272 ดอลลาร์ (295 บาท/กก.)
  • พฤษภาคม 2024 – 7.538 ดอลลาร์ (270 บาท/กก.)
  • เมษายน 2024 – 9.74 ดอลลาร์ (345 บาท/กก.)
  • มีนาคม 2024 – 7.089 ดอลลาร์ (255 บาท/กก.)
  • กุมภาพันธ์ 2024 – 5.556 ดอลลาร์ (200 บาท/กก.)

ในขณะที่ผู้บริโภคยังคงตกใจกับราคาช็อกโกแลตที่พุ่งสูง ผู้ประกอบการขนมหวานและเบเกอรี่กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันที่หนักหนากว่าเดิมหลายเท่า ต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งไม่หยุด ไม่ใช่แค่โกโก้ แต่รวมถึงน้ำตาล นม และส่วนผสมอื่นๆ กำลังทำให้การผลิตช็อกโกแลตคุณภาพสูงกลายเป็นความท้าทาย

ร้านขนมเล็กๆ หลายแห่งต้องเลือกระหว่าง "ขึ้นราคา" หรือ "ลดคุณภาพ" บางร้านอาจจำเป็นต้องลดปริมาณโกโก้ในสูตรหรือใช้สารทดแทนเพื่อให้สินค้ายังอยู่ในระดับราคาที่ลูกค้ารับไหว ขณะที่แบรนด์ใหญ่บางเจ้ากำลังทดลองหันไปหาส่วนผสมใหม่ที่ไม่ใช้โกโก้เลยเพื่อสร้างขนมที่ยั่งยืนขึ้น

แต่คำถามที่ยังคงค้างอยู่ก็คือ “ถ้าต้นทุนยังพุ่งขึ้นแบบนี้ อุตสาหกรรมขนมหวานจะรับมือได้นานแค่ไหน?” สิ่งที่แน่นอนคือ ภาวะโลกร้อนและความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทานโลกกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของช็อกโกแลตที่เรารู้จักไปอย่างสิ้นเชิง ในอนาคตช็อกโกแลตที่เข้มข้นและละมุนลิ้นแบบเดิมอาจกลายเป็นของหายากขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าที่เคยเป็น

สุดท้ายแล้ว ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการที่ต้องปรับตัว แต่ผู้บริโภคเองก็อาจต้องเตรียมใจรับมือกับยุคใหม่ของช็อกโกแลต ที่อาจแพงขึ้น มีรสชาติเปลี่ยนไป 

อ้างอิง: gizmodo , foodnavigator

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เตรียมพร้อมรับมือการหยุดชะงักด้านพลังงานจาก AI ในอนาคต

การเติบโตของ AI กำลังเพิ่มความต้องการพลังงานอย่างมหาศาล องค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับปัญหาด้านพลังงาน ดาต้าเซ็นเตอร์ และต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อความยั่งยืนในอนาคต...

Responsive image

รักโลกต้องทำงาน 4 วัน ทั้งปลดล็อกชีวิตสมดุล และลดคาร์บอนปีละ 127 ล้านตัน

จะดีแค่ไหน หากการมีวันหยุดเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตสมดุลขึ้น แต่ยังช่วยรักษ์โลกได้อีกด้วย? รายงานล่าสุดเผยว่า การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ไม่เพียงเพิ่มเวลาว่างถึง 50% ...

Responsive image

ปัญหา Jobs Gap กำลังเปลี่ยนโลกแรงงาน อีก 10 ปีข้างหน้า 800 ล้านคนอาจไม่มีงานทำ

สำรวจความท้าทายด้านการจ้างงานในอนาคตเมื่อ AI เข้ามามีบทบาท พร้อมแนวทางแก้ไขช่องว่างงานกว่า 400 ล้านตำแหน่งทั่วโลกจากการเสวนาในงาน World Economic Forum 2025...