เริ่มมีการใช้ AI และ Machine Learning (สมองของ AI) ในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายที่สุดของโลก นำโดย 4 Startups จากโครงการ Google for Startups Accelerator: Climate Change ในยุโรปและอเมริกาเหนือ พวกเขาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างไร ลองมาดูสิ่งที่ startups เหล่านี้ทำกัน
Refiberd บริษัท Startup จาก California ก่อตั้งขึ้นในช่วงที่เกิดโรคระบาดโดยทีมวิศวกรหญิง พวกเขาพบว่าในแต่ละปีจะมีขยะจากสิ่งทอประมาณ 84 ล้านกิโลกรัม ถูกผลิตขึ้น แต่มีเพียงไม่ถึง 1% ที่ถูกนำไปรีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าใหม่ โดยบริษัท Refiberd ได้พัฒนาระบบรีไซเคิลใหม่ที่ใช้ AI ซึ่งสามารถคัดแยกสิ่งทอตามวัสดุได้แม่นยำกว่า 95% และวัสดุผสมที่คัดแยกได้ยาก
Sarika Bajaj ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัท Refiberd กล่าวถึงกระบวนการรีไซเคิลว่า “บริษัทของเราไม่มีข้อกำหนดเรื่องการรับขยะสิ่งทอ พวกเราสามารถจัดการกับขยะสิ่งทอได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ผ้าม้วนใหญ่ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เสื้อผ้าบริจาค ไปจนถึงเศษผ้าชิ้นเล็ก ๆ ด้วยการใช้ AI คัดแยกขยะตามวัสดุและสี จากนั้น AI จะคัดเอากระดุม ซิป และสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ควรมีในกระบวนการรีไซเคิลออก เมื่อเสร็จจากกระบวนการคัดแยกเราจึงนำขยะสิ่งทอแต่ละประเภทส่งไปให้แก่บุคคลหรือบริษัทที่สามารถนำขยะเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้”
Mortar IO บริษัท Startup จาก London ต้องการที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากอาคาร เพราะพวกเขาค้นพบว่าอาคารมีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 40% ทั่วโลก
Josephine Bromley ผู้ร่วมก่อตั้งและ COO ของ Mortar IO กล่าวว่า “อาคารเหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่ารถยนต์ รถไฟ และเครื่องบินทุก ๆ ลำบนโลกใบนี้ หากคิดดูดี ๆ กว่า 80% ของอาคารที่ควรถูกสร้างขึ้นในปี 2050 ถูกสร้างขึ้นมาแล้วและปล่อยก๊าซคาร์บอนออกมามากมาย ดังนั้นการลดปริมาณคาร์บอนของอาคารเหล่านี้ จึงเป็นปัญหาที่แท้จริงที่ต้องแก้ไข”
เขายังได้กล่าวถึงการ Catalyzing retrofits คือ การปรับปรุงหรืออัปเกรดระบบพลังงานของอาคารด้วยการนำเทคโนโลยีและแนวทางปฏิบัติด้านพลังงานมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพกับอาคารที่มีอยู่ โดย Mortar IO ใช้ AI เพื่อตรวจสอบค่าคาร์บอนและวางแผนการลดคาร์บอนให้อาคารหลายพันหลังภายในเวลาไม่กี่นาที บริษัทเชื่อว่ามันสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและผลักดันการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิของทุกอาคารให้เป็น 0 (Net Zero)
AgroScout บริษัท Startup จาก Israel พวกเขาเล็งเห็นถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบว่า Food System ของโลกก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 30% ทำให้พืชผลลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภูมิภาคที่ขาดแคลนอาหาร ถือเป็นปัญหาใหญ่ AgroScout เกิดไอเดียที่จะช่วยให้โลกมี Food System ที่ยั่งยืน จึงได้พัฒนา AI ที่สามารถตรวจสอบการเจริญเติบโตของพืชผลได้แบบเรียลไทม์
Simcha Shore ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท AgroScout กล่าวว่า “เราใช้ AI เพื่อตรวจสอบการพัฒนาของพืชผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ปลูกสามารถวางแผนการผลิตพืชผลได้ทั่วทั้งภูมิภาค นอกจากนี้ AI ยังสามารถตรวจจับศัตรูพืชและโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้เกษตรกรสามารถรักษาได้ตรงจุด ซึ่งลดการใช้เคมีเกษตรได้ถึง 85% สิ่งนี้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากเกษตรเคมี และยังส่งผลดีต่อการทำเกษตรแบบยั่งยืน”
Eugenie.ai บริษัท Startup จาก Mumbai บริษัทนี้มุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหามลพิษจากการทำอุตสาหกรรม เช่น โลหะ เหมืองแร่ น้ำมัน และก๊าซ เป้าหมายหลัก คือ ลดการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ Dr. Soudip Roy Chowdhury ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทกล่าวว่า “เป้าหมายหลักของเราคือการช่วยให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และในขณะเดียวกันก็เติบโตอย่างยั่งยืนและทำเงินได้มากขึ้น”
Eugenie.ai software-as-a-service (SaaS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ ลดระดับมลพิษ โดยรวมข้อมูลจากดาวเทียมเข้ากับเครื่องจักร เพื่อให้ AI ของบริษัทสามารถติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยให้บริษัทอุตสาหกรรมต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซลงได้ถึง 20-30%
อ้างอิง: blog.google
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด