ThaiCBN เปิดแผน Thailand Climate Tech Directory สนับสนุน Startup ไทย สู่เทคยั่งยืน

ประเทศไทยมีเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2065 (UNFCCC, 2023) ภารกิจนี้คือสิ่งที่ต้องเร่งลงมือทำท่ามกลางวิกฤตโลกร้อนที่อาจฉุด GDP ไทยลดลงเหลือ 7.7% ภายในปี 2025 หากเราไม่ทำอะไรเลย

กุญแจดอกสำคัญในการแก้ปัญหานี้คือ Climate Tech หรือเทคโนโลยีที่มาช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรากลับพบความจริงที่น่ากังวลว่า จาก Startup กว่า 2,100 ราย มีเพียง 3.5% หรือประมาณ 70-80 รายเท่านั้น ที่อยู่ในกลุ่มนี้ นี่คือสัญญาณว่า Ecosystem ของเรายังไม่แข็งแรงพอ

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ Thailand Climate Business Network (ThaiCBN) ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 34 องค์กรพันธมิตร ต้องลุกขึ้นมาสร้างกลไกใหม่ที่ชื่อว่า Thailand Climate Tech Directory 

Thailand Climate Business Network (ThaiCBN) คืออะไร ?

Thailand Climate Business Network (ThaiCBN) คือร่วมมือระหว่างองค์กรพันธมิตร 34 แห่ง ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ศูนย์ ผ่านการเชื่อมโยง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคการเงินและการธนาคาร

โดย ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในฐานะประธานเครือข่ายฯ ThaiCBN ว่า 

"ThaiCBN เป็นความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นระบบ โดยมีโครงการนำร่องในแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และขยายผลในระดับอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้เราต้องการเชื่อมโยงเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเข้ากับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนผ่าน เพื่อสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"

Climate Tech กุญแจดอกสำคัญสู่ความยั่งยืน

มีรายงานว่า หากเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) ไม่ถูกนำมาใช้ให้เป็นรูปธรรม อาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในหลายด้าน

  • GDP อาจลดลงถึง 7.7% ภายในปี 2050 หากประเทศไทยไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้า (SpringerLink, 2024)
  • ภัยพิบัติรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจฉุดเศรษฐกิจลงอีก 4% ภายในปี 2030 หากไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ climate risk (World Bank, 2024)

และที่สำคัญ ตลาดโลกประเมินว่า Climate Tech startup จะเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 25% ต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า เป็นโอกาสที่ไทยไม่ควรมองข้าม

ทำไมต้องเป็น Climate Tech ไทย?

ก่อนจะลงลึกถึงอุปสรรค เราควรมองภาพรวมให้ชัดก่อนว่า ไทยเองก็ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ข้อมูลจากรายงาน Technology Readiness for Green Transition ของ World Economic Forum ปี 2023 ระบุว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 49 จาก 166 ประเทศทั่วโลกในด้านความพร้อมด้านเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

ในอีกด้าน รายงานของ UNCTAD ชี้ว่า ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากมีศักยภาพด้าน Climate Tech แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ 'นโยบายและระบบนิเวศ' ที่สนับสนุนให้เทคโนโลยีเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง 

นั่นทำให้คำถามสำคัญคือ เราจะต่อยอดจากสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้วอย่างไร ให้กลายเป็นระบบที่แข็งแรง และแข่งขันในระดับภูมิภาคได้

รวมถึงแม้เราจะสามารถนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้ได้ แต่ในหลายกรณี ความเฉพาะเจาะจงของปัญหาในไทย เช่น ดิน น้ำ ภูมิอากาศ นโยบาย และพฤติกรรมผู้ใช้ ล้วนต้องการโซลูชันที่เข้าใจบริบทท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง 

นี่คือเหตุผลที่ไทยจำเป็นต้องมี Climate Tech ของตัวเองที่เติบโต แข่งขันได้ และพร้อมใช้

คุณปริวรรต วงษ์สำราญ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภาค Startup ในยุคเศรษฐกิจใหม่ โดยระบุว่า “ต้องเร่งการพัฒนาและส่งเสริม Startup Ecosystem ให้เข้มแข็งและเติบโตเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย สู่การเป็น Startup Nation ให้ได้” 

พร้อมชี้ว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา คือหัวใจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในระดับโลก

ความท้าทายสำคัญที่ Climate Tech ไทยต้องข้ามให้ได้ หากอยากก้าวต่อไปให้ไกลกว่านี้

1. ความท้าทายด้านการเงิน (Financial Challenges)

  • ระบบทุนยังต่อยอดได้อีก โดยเฉพาะในกลุ่ม early-stage startup ที่ยังไม่มีรายได้ หรือไม่สามารถแสดง ROI ได้ในระยะสั้น
  • ROI ที่ใช้เวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่ม hardware/material innovation ซึ่งต้องใช้เวลาในการทดสอบใช้งานจริงและขยายผล

2. ข้อจำกัดด้านโครงสร้างตลาด (Market Structure Issues)

  • ระบบพลังงานยังพึ่งพาฟอสซิล โดยกว่า 50% ของพลังงานไทยยังมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
  • Renewables ยังไม่ถึงเป้า โดยปัจจุบันพลังงานสะอาดอยู่ที่ 22% ของ energy mix เทียบกับเป้าหมาย 51% ภายในปี 2037 (PDP)
  • ผู้เล่นยังน้อย จาก Startup กว่า 2,100 รายในประเทศไทย มีเพียงประมาณ 70-80 รายที่อยู่ ในกลุ่ม Climate Tech หรือประมาณ 3.5% เท่านั้น ส่งผลทำให้ระบบนิเวศยังไม่แข็งแรงพอจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงในระดับอุตสาหกรรม

3. อุปสรรคในการออกสู่ตลาด (Commercialization Obstacles)

  • นักวิจัยขาดองค์ความรู้ด้านธุรกิจ ขณะที่ภาคธุรกิจขาดความเชื่อมั่นในผลงานใหม่
  • ความมั่นใจขององค์กรเอกชนยังไม่มาก ขาดมาตรฐานหรือ third-party ที่ช่วยประเมินว่าเทคโนโลยีนั้นมีศักยภาพจริง รวมถึงขาดกลไกจับคู่หรือ validate ผู้ให้บริการ

4. บริบทเชิงภูมิภาคและการลงทุน (Regional Context)

  • การบูรณาการนโยบายและการลงทุนยังมีช่องว่าง โดยแม้ประเทศไทยมีหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์ด้านนี้ แต่การเชื่อมโยงนโยบายเหล่านี้กับการลงทุนในภาคเอกชนยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องการการประสานงานอย่างใกล้ชิด
  • การปรับตัวต่อการแข่งขันด้านเงินทุนที่เข้มข้นขึ้น ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2024 การลงทุนใน Climate Tech ทั่วโลกลดลงถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในการดึงดูดเงินทุนสำหรับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ภูมิภาคและรวมถึงประเทศไทย

รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านนวัตกรรมยั่งยืน ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) บริษัท MQDC กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ว่า “เราจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศ หรือ Ecosystem เพื่อลดความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และแบ่งปันประโยชน์ที่จะได้รับร่วมกัน” เพื่อให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นได้จริงทั้งในระดับองค์กรและระดับสังคม

Thailand Climate Tech Directory กลไกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งฝั่ง demand และ supply

เพื่อให้ Climate Tech ไม่ต้องเดินอย่างโดดเดี่ยว และองค์กรผู้ใช้งานไม่ต้องเสี่ยงลองผิดลองถูกกับโซลูชันที่ไม่ตรงจุด เครือข่าย ThaiCBN จึงจับมือพันธมิตรจากภาครัฐ เอกชน และภาควิชาการ จึงเริ่มพัฒนา “Thailand Climate Tech Directory” ฐานข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงกับผู้ใช้งานที่พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

เป้าหมายของ Thailand Climate Tech Directory มีอยู่ 3 ด้านคือ

  • ผู้ให้บริการต้องผ่านการคัดกรองขั้นต้น ตรวจสอบความน่าเชื่อถือบริษัท มีโซลูชั่นพร้อมให้บริการ 
  • ลดความเสี่ยงของผู้ใช้งาน เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้องค์ผู้ใช้บริการ ใช้งานได้จริงไม่ต้องสุ่ม
  • เปิดประตูสู่ตลาดและการลงทุน เพิ่มโอกาสให้ Startup ไทยเชื่อมต่อกับภาคธุรกิจที่พร้อมใช้งานจริง และเข้าถึงทุนสนับสนุน

เงื่อนไขสำหรับการเข้าร่วม สำหรับผู้ให้บริการ Climate Tech

  • จดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทย
  • มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง
  • มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยผู้ให้บริการ Climate Tech จะต้องอยู่ภายใต้หนึ่งใน 6 หมวดเทคโนโลยีหลักดังภาพประกอบ

หากคุณคือ Climate Tech ที่ “พร้อมใช้และพร้อมเปลี่ยน” นี่คือโอกาสที่จะได้แสดงศักยภาพของคุณบนเวทีที่พร้อมสนับสนุนอย่างแท้จริง

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาผู้ใช้งานและนักลงทุน
  • เข้าถึงโอกาส pilot, showcase, และโครงการความร่วมมือระดับประเทศ
  • เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย Climate Tech ไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการลงมือทำจริง

สนใจเข้าร่วม หรือแนะนำผู้ให้บริการที่เหมาะสม ติดต่อทีม ThaiCBN กลุ่ม Technology & Solutions ได้ที่ 02 273 3959

ลงทะเบียน https://forms.cloud.microsoft/r/2VFMqCji1c

อ้างอิง : NIA (1) (2), StartupBlink, บทสัมภาษณ์ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะลึกรายงาน World Energy Outlook เมื่อโลกเข้าสู่ ‘ยุคแห่งไฟฟ้า’ และสมรภูมิชิงทรัพยากรที่เปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแร่ธาตุ

เจาะลึก World Energy Outlook 2025 โลกเข้าสู่ยุคแห่งไฟฟ้าและสงครามแร่ธาตุ AI และ EV ดันดีมานด์ไฟพุ่ง จีนครอง Supply Chain ขณะที่ก๊าซ LNG จ่อล้นตลาด...

Responsive image

MIT เปิดตัวอุปกรณ์ Ultrasonic ดึงน้ำจากอากาศเร็วขึ้น 45 เท่า ความหวังใหม่ในโลกที่กำลังแห้งลง

MIT พัฒนาอุปกรณ์อัลตราโซนิกที่สกัดน้ำจากอากาศได้เร็วขึ้น 45 เท่า ใช้พลังงานต่ำและทำงานได้หลายรอบต่อวัน เปิดทางสู่อนาคตการผลิตน้ำสะอาดในพื้นที่แห้งแล้งและชุมชนขาดแคลนน้ำ...

Responsive image

เจาะลึกอนาคตเศรษฐกิจสีเขียว ‘ฉลากสิ่งแวดล้อม’ ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นใบเบิกทางสู่ความยั่งยืน และความอยู่รอดทางธุรกิจ

สรุปเวทีเสวนา 'ทิศทางฉลากสิ่งแวดล้อม' จาก TEI, HomePro และ IFC เจาะลึกเทรนด์ EPD, เศรษฐกิจหมุนเวียน และอาคารเขียว ที่ไม่ใช่แค่ 'ทางเลือก' แต่เป็น 'ทางรอด' ของธุรกิจ...