เจาะลึกวิกฤตน้ำกับ TCP เมื่อน้ำกำลังจะกลายเป็นของหายาก | Techsauce

เจาะลึกวิกฤตน้ำกับ TCP เมื่อน้ำกำลังจะกลายเป็นของหายาก

โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลัน หรือคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรมลง รายงานจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่าแหล่งน้ำทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะแห้งแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ 

ขณะเดียวกัน ธารน้ำแข็งก็กำลังละลายอย่างรวดเร็วในอัตราที่น่าตกใจ สถานการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ไม่เพียงแค่ต่อระบบนิเวศ แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรน้ำเป็นปัจจัยหลักในการผลิต

ในหัวข้อ Water Resilience: Guiding Thailand’s Businesses Through the Climate Crisis Era คู่มือบริหารทรัพยากรน้ำ พาธุรกิจไทยฝ่าวิกฤตโลกร้อน โดยคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ที่จะมาพูดถึงวิกฤตการณ์น้ำ และความพยายามของ TCP ในการสร้างความยั่งยืนด้านนี้

แหล่งน้ำแห้งแล้งที่สุดในรอบ 30 ปี และสูญเสียธารน้ำแข็งมากที่สุดในรอบ 50 ปี

คุณสราวุฒิ กล่าวว่าปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเฉพาะวิกฤตน้ำที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี จากอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554 ที่สร้างความเสียหายกว่า 1.4 ล้านล้านบาท จนถึงเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่เชียงรายในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพายุที่เข้ามาถี่ขึ้น ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในพื้นที่จำกัด หรือแม้แต่ปัญหาดินเสื่อมโทรมที่ต้นน้ำ

จากรายงานของ WMO ในปี 2566 ชี้ให้เห็นว่าแหล่งน้ำทั่วโลกเผชิญภาวะแห้งแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี และการสูญเสียธารน้ำแข็งในปริมาณมหาศาล วิกฤตน้ำนี้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ โดยธนาคารโลกประเมินว่าหากไม่เร่งแก้ไขปัญหา ภายในปี 2593 GDP โลกอาจตกต่ำอย่างรุนแรง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ภาคธุรกิจเองอาจสูญเสียเงินกว่า 2.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และต้นทุนการแก้ไขปัญหาในอนาคตจะสูงขึ้นถึง 5 เท่า

ทำไมถึงมองว่าเรากำลังเจอวิกฤตน้ำ ทั้งที่โลกของเราจะประกอบด้วยน้ำถึง 3 ใน 4 ?

ด้านคุณสราวุฒิ อธิบายว่า แม้โลกจะถูกปกคลุมด้วยน้ำถึง 3 ใน 4 แต่มีเพียงน้ำจืดส่วนน้อยเท่านั้นที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ได้ การตัดไม้ทำลายป่า การขยายตัวของพื้นที่แห้งแล้ง และระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยที่ซ้ำเติมวิกฤตน้ำให้รุนแรงยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ยังมีความพยายามจากหลายภาคส่วนในการแก้ไขปัญหานี้ และมีหนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือ Nature-based Solutions (NBS) หรือการใช้วิธีธรรมชาติในการแก้ปัญหา ตัวอย่างเช่น การฟื้นฟูแม่น้ำให้กลับสู่สภาพคดเคี้ยวตามธรรมชาติ 

Nature-based Solutions ทางออกที่ยั่งยืน

Nature-based Solutions (NBS) คือ การใช้ธรรมชาติหรือกระบวนการทางธรรมชาติเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น การปลูกป่าเพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่ง หรือการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อกรองน้ำ

ปัจจุบันเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โครงการฟื้นฟูแม่น้ำ Sweeden Dale Beck ในสหราชอาณาจักร โดยการปรับสภาพแม่น้ำที่ถูกทำให้ตรงกลับสู่สภาพคดเคี้ยวตามธรรมชาติ ส่งผลให้ระบบนิเวศฟื้นตัว ปลาแซลมอนกลับมาวางไข่ และคุณภาพน้ำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

คุณสราวุฒิ เผยว่า ด้านกลุ่มธุรกิจ TCP เองก็ได้นำแนวทาง NBS มาใช้ในโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำที่จังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกับ WWF และชุมชนในพื้นที่ นอกจากนี้ คุณสราวุธยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ 

  • Grey Solutions: การสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ใต้ดิน เพื่อกักเก็บน้ำฝนส่วนเกิน อย่างในประเทศญี่ปุ่น
  • ระบบเตือนภัย: การพัฒนาระบบเตือนภัยที่ทันสมัยและเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายจากภัยพิบัติ
  • Sponge City: การออกแบบเมืองให้สามารถดูดซับน้ำได้เหมือนฟองน้ำ ตัวอย่างเช่น สวนเบญจกิตติในกรุงเทพมหานคร

คู่มือบริหารทรัพยากรน้ำจาก TCP

จากการจัด Sustainability and Beauty Forum กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในประเทศไทย ได้แก่ ประเทศไทยมีการใช้น้ำต่อหัวสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก อุณหภูมิของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปริมาณน้ำฝนโดยรวมลดลงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

กลุ่มธุรกิจ TCP ได้กำหนดเป้าหมาย Net Water Positive ภายในปี 2573 โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ คืนน้ำกลับสู่ธรรมชาติมากกว่าปริมาณน้ำที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ 

กลยุทธ์หลักของ TCP ในการบรรลุเป้าหมายนี้ แบ่งออกเป็นสองแนวทาง คือการจัดการภายใน (In-Process) และการสร้างผลกระทบเชิงบวกภายนอก (Out-Process)

1. การบริหารจัดการน้ำภายใน (In-Process): 

TCP ให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดภายในโรงงาน โดยใช้มาตรการต่างๆ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อกักเก็บน้ำฝน การบำบัดน้ำเสีย 100% เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการควบคุมและตรวจสอบการใช้น้ำ มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้น้ำ แต่ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

2. การสร้างผลกระทบเชิงบวกภายนอก (Out-Process): 

นอกเหนือจากการจัดการภายในโรงงาน TCP ยังให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูระบบนิเวศและคืนน้ำสู่ธรรมชาติ ผ่านโครงการโคกหนองนาโมเดล ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับชุมชน ภาครัฐ และผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านน้ำในระยะยาว 

ปัจจุบันโครงการนี้ครอบคลุม 20 จังหวัด มีโครงการย่อยกว่า 513 โครงการ และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนกว่า 40,000 ครัวเรือน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ TCP ในการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างธุรกิจและสังคม

สุดท้ายแล้วคุณสราวุฒิสรุปว่า ความยั่งยืนด้านน้ำต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยการเริ่มต้นจาก 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  • วางแผน: กำหนดเป้าหมายและวางแผนงานที่ชัดเจน
  • ลงมือทำ: นำแผนงานไปปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญจากผู้รู้
  • ติดตามและประเมินผล: วัดผลและปรับปรุงแผนงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  • พัฒนาอย่างต่อเนื่อง: เปิดรับองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานอย่างต่อเนื่อง

และหวังว่าความมุ่งมั่นของ TCP ในการสร้างความยั่งยืนด้านน้ำ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ภาคธุรกิจอื่นๆ เห็นความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

David Capodilupo จาก MIT Sloan เปิดเหตุผลตั้งสำนักงานในไทย ต้นแบบสู้ Climate Change อาเซียน

David Capodilupo ผู้ช่วยคณบดีด้านโครงการระดับโลกของ MIT Sloan เผยเหตุผลที่สถาบันเข้ามาตั้งสำนักงานในไทย เพื่อให้ไทยเป็นฮับอาเซียน ในการส่งเสริมการเรียนการสอน การวิจัยพัฒนา การแก้ปั...

Responsive image

SAF เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน อุปสรรค และโอกาสครั้งใหญ่ของไทย ถอดแนวคิด Yap Mun Ching ผู้บริหารด้านความยั่งยืนแห่ง AirAsia

การเดินทางทางอากาศ แม้จะเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกัน แต่ก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลดคาร์บอนจึงเป็นภารกิจสำคัญของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก และเชื้อเพลิงการบินที่...

Responsive image

AirAsia จับมือ Airbus ผนึกกำลังลดคาร์บอน พัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน 'SAF' ในอาเซียน

AirAsia ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Airbus ผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำจากยุโรป เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ...