Google พัฒนา MethaneSAT ดาวเทียมวัดปริมาณก๊าซพิษและติดตามตำแหน่ง

ดีลใหญ่สิ่งแวดล้อม Google ได้ร่วมมือกับ Environmental Defense Fund (EDF) กลุ่มสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนา MethaneSAT ดาวเทียมติดตามการปล่อยก๊าซมีเทนจากนอกโลก

ทำไมถึงต้องเป็นก๊าซมีเทน ไม่ใช่คาร์บอนไดออกไซด์

ก๊าซมีเทน (Methane) เป็นก๊าซเรือนกระจกอันดับที่ 2 รองจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลให้โลกร้อนได้มากที่สุด และเป็นหนึ่งในก๊าซที่ถูกปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะจากฟาร์ม หลุมฝังกลบขยะ หรือแม้แต่มูลสัตว์ 

ในปัจจุบันทั่วโลกมักมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่เชื่อไหมว่าความจริงแล้วมีเทนสามารถก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนได้มากกว่าคาร์บอนถึง 80 เท่า 

แต่อายุไขของก๊าซมีเทนนั้นสั้นกว่าคาร์บอนมาก ดังนั้น หากหันมามุ่งเน้นในการลดระดับการปล่อยก๊าซมีเทนลง จะทำได้รวดเร็วกว่าลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยชะลอความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้

Steven Hamburg หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ EDF เผยว่า “ก๊าซมีเทนกำลังสร้างปัญหามากมายให้กับโลกในขณะนี้ ดังนั้นยิ่งเราดำเนินการจัดการมันได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งดีต่อโลกในระยะยาวมากเท่านั้น”

ทาง Google และ EDF จึงได้ร่วมกันพัฒนา MethaneSAT ดาวเทียมติดตามการปล่อยก๊าซมีเทน โดยโครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลนิวซีแลนด์และกองทุน Bezos Earth Fund เป็นเงินจำนวนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.6 พันล้านบาท)

MethaneSAT ทำงานยังไง?

ดาวเทียม MethaneSAT จะถูกนำมาใช้ร่วมกับอัลกอริทึมของ Google 

ดาวเทียมโคจรรอบโลกวันละ 15 รอบในทุก ๆ วัน และมันจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระดับมีเทนในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ผลิตน้ำมันและก๊าซชั้นนำของโลก ต่อมาอัลกอริทึมของ Google Cloud ก็จะเริ่มติดตามปริมาณมีเทนที่ถูกปล่อยออกมาในพื้นที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ Google ยังพยายามสร้างแผนที่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซมีเทนจากทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีตัวเดียวกับที่ใช้ใน Google Maps ซึ่งตอนนี้เริ่มฝึกฝน AI ให้เรียนรู้การตรวจจับอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ

เพื่อที่ AI จะสามารถรวบรวมข้อมูลที่ได้จากดาวเทียม MethaneSAT มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลที่ตรวจจับได้เอง และประมวลผลออกมาเป็นแผนที่ที่ระบุว่า ก๊าซมีเทนเหล่านี้ถูกปล่อยออกมาจากที่ไหน และสามารถดำเนินการเพื่อหยุดยั้งมลพิษได้

เพราะในปัจจุบันหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาวัดปริมาณก๊าซมีเทนที่ปล่อยออกมาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก Yael Maguire รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของทีม Geo Sustainability บริษัท Google กล่าวว่า “บริษัทเชื่อว่าการที่โลกเรามีข้อมูลประเภทนี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับบริษัทพลังงาน นักวิจัย และรัฐบาล ในการร่วมมือกันลดปริมาณก๊าซมีเทนที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม” 

อ้างอิง: theverge

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จีนเตรียมรับมือผลพวงยุค EV กับ ‘ซากแบตเตอรี่’ ที่กำลังท่วมประเทศ เร่งสร้างระบบ ‘Closed Loop’ สู้วิกฤตขยะพลังงานยุคใหม่

จีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถ EV โลก แต่ความสำเร็จนี้กำลังทิ้งโจทย์ใหญ่ไว้เบื้องหลัง เมื่อซากแบตเตอรี่รถไฟฟ้านับแสนตันเริ่มทะลักเข้าสู่ระบบที่ยังไม่พร้อม...

Responsive image

AI อ่านสุขภาพข้าว! แค่ถ่ายรูปก็รู้ว่าข้าวแตกหน่อดีไหม ช่วยประเมินผลผลิตได้ทันที แม่นยำ 94–98%

TillerPET ถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์กอข้าวหลังการเก็บเกี่ยว จากภาพถ่ายธรรมดา โดยสามารถทำงานกับข้าวจริงในพื้นที่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องทดลอง...

Responsive image

ทำไมญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีกว่าประเทศไหนในโลก? ถอดบทเรียนการออกแบบชีวิต เมือง และสังคมให้ไม่ล้มเมื่อโลกสั่น

ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้อย่างโดดเด่นเพราะมี ‘วัฒนธรรมความยืดหยุ่น’ ที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวัน งานวิจัยของศาสตราจารย์ Miho Mazereeuw และหนังสือ Design Before Disaster เผยให้เห็นว่าก...