10 ไฮไลท์นวัตกรรมเทคโนโลยีสุขภาพไต้หวัน ก้าวล้ำนำอนาคตในงาน Taiwan Expo 2024 | Techsauce

10 ไฮไลท์นวัตกรรมเทคโนโลยีสุขภาพไต้หวัน ก้าวล้ำนำอนาคตในงาน Taiwan Expo 2024

การดูแลสุขภาพในปัจจุบันกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมายกระดับการวินิจฉัยและการรักษาโรค โดย Taiwan Expo 2024 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 21 - 23 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแสดงนวัตกรรมทางการแพทย์ระดับโลก 

โดยเฉพาะใน Taiwan Healthcare Pavilion ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ การรักษา และการฟื้นฟูที่ครอบคลุม ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนของวงการแพทย์ และสำรวจโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจและความร่วมมือจากทางไทยและไต้หวัน

Techsauce ได้รวบรวม 10 นวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ไฮไลท์จาก Taiwan Healthcare Pavilion ที่จะมาปฏิวัติวงการแพทย์ในทุกมิติ ดังต่อไปนี้

1.BioMab: การบำบัดด้วยเซลล์เพื่อสู้โรคมะเร็งและการติดเชื้อ

BioMab บริษัทไบโอเทคโนโลยีชั้นนำในไต้หวัน นำเสนอเทคโนโลยีการบำบัดด้วยเซลล์ขั้นสูง ได้แก่น้ำยาเลี้ยง NK Cell (Natural Killer Cells) และ MAC Cell (Monocyte-derived Antigen-presenting Cells)  ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันสำคัญในการต่อสู้กับมะเร็งและการติดเชื้อ รวมถึงนวัตกรรมสำหรับตรวจหาเซลล์มะเร็งในกระแสเลือดที่มีความแม่นยำสูง

BioMab เล็งเห็นศักยภาพของตลาดไทยจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น และความต้องการเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาอาการปวดเรื้อรัง โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ ATGenes Co. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทไทยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาวิธีตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นและการให้บริการบำบัดด้วยเซลล์ในสถานพยาบาลในประเทศด้วยเทคโนโลยีของ BioMab ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสการรักษาที่มีคุณภาพ

2.Maxpal: IoT และ AI เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ

อุปกรณ์ตรวจวัดข้อมูลเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ Maxpal ซึ่งพัฒนาโดย MAXTEK Go-Go Co., Ltd. ได้ผสานเทคโนโลยี IoT และ AI เพื่อให้การดูแลสุขภาพมีความสะดวกและแม่นยำมากขึ้น อุปกรณ์สามารถตรวจวัดข้อมูลสำคัญ เช่น อุณหภูมิร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด และน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติในลักษณะของการเต้นหัวใจ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

จุดเด่นของ Maxpal คือการส่งข้อมูลที่ตรวจวัดได้ไปยังระบบคลาวด์เพื่อการติดตามผลในระยะยาว โดยแพทย์และผู้ดูแลสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้การเฝ้าติดตามสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์

ผู้ผลิตมองเห็นศักยภาพของตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มต้องการการดูแลสุขภาพที่มากขึ้น ประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์นี้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและยกระดับการดูแลสุขภาพของคนไทย

3.BALDUR: ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของมือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

iOpen Robotic Hand อุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพมือสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จากแบนรด์ BALDUR พัฒนาโดย Yong Tai Global Co., Ltd. อุปกรณ์นี้ไม่เพียงใช้งานง่าย แต่ยังไม่ต้องใช้ไฟฟ้า จึงเหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการฝึกฝนการเคลื่อนไหวที่บ้านอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักประสบปัญหาการเคลื่อนไหวของมือ เช่น มืออ่อนแรง กำมือไม่ได้ หรือขยับมือไม่ได้อย่างอิสระ แต่อุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพที่มีอยู่ในท้องตลาดส่วนใหญ่มักมีขนาดใหญ่ ราคาแพง และต้องใช้ไฟฟ้า ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างต่อเนื่อง

ตัวอุปกรณ์มีโครงสร้างน้ำหนักเบาและออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ผู้ใช้สามารถปรับระดับการฝึกตามความสามารถของตนเองได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการฟื้นฟูสมรรถภาพในโรงพยาบาล ความสำเร็จในญี่ปุ่นของ BALDUR เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของนวัตกรรมนี้ และการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดไทยกำลังเป็นที่จับตามอง

4.ACT Genomics เทคโนโลยีตรวจยีนเพื่อการรักษามะเร็งเฉพาะบุคคล

ACT Genomics เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีตรวจยีนที่มุ่งเน้นการพัฒนาการรักษามะเร็งแบบเฉพาะบุคคล ผ่านการวิเคราะห์พันธุกรรมเชิงลึก โซลูชันของบริษัทช่วยให้แพทย์สามารถออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยพิจารณาจากลักษณะการกลายพันธุ์ของยีนและข้อมูลพันธุกรรมของเนื้อเยื่อมะเร็ง

จุดเด่นคือนอกจากจะตรวจจากเนื้อเยื่อแบบปกติได้แล้ว ยังสามารถตรวจยีนจากเลือดผ่าน DNA ของมะเร็งที่หมุนเวียนอยู่ในกระแสเลือดได้ จุดแข็งสำคัญที่บริษัทนำเสนอคือ ระยะเวลารอผลตรวจที่รวดเร็วกว่าคู่แข่ง เสริมด้วยทีมสนับสนุนให้คำปรึกษาและทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้ข้อมูลเพิ่มเติมอย่างครบวงจร ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถติดตามผลการรักษาได้อย่างแม่นยำ และตรวจจับการกลับมาเป็นซ้ำของโรคได้อย่างรวดเร็ว 

5.AI ตรวจมะเร็งปอดจาก V5med

มะเร็งปอดถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับแรกต้นๆ โดยไต้หวันและไทย มีอัตราเสียชีวิตอันดับหนึ่งและสองของโลกตามลำดับ V5med นำเสนอเทคโนโลยี AI ที่สามารถวิเคราะห์ภาพ CT scan ปริมาณรังสีต่ำ (LDCT) เพื่อการตรวจหาก้อนเนื้อในปอดที่แม่นยำสูงถึง 95% ระบบนี้ช่วยแพทย์ประเมินขนาด น้ำหนัก รูปร่าง และตำแหน่งของก้อนเนื้อ รวมถึงติดตามการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป

AI จะวิเคราะห์ภาพ CT scan ของปอดทีละภาพ และระบุตำแหน่งของก้อนเนื้อที่น่าสงสัย พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของก้อนเนื้อ เช่น ขนาด น้ำหนัก และรูปร่าง ระบบจะให้คะแนนความน่ากังวลของก้อนเนื้อ และแนะนำระยะเวลาในการตรวจติดตาม นอกจากนี้ AI ยังสามารถติดตามการเติบโตของก้อนเนื้อเมื่อเวลาผ่านไป ช่วยให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งได้แม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากมะเร็งปอดแล้ว V5med ยังพัฒนาระบบวิเคราะห์สำหรับโรคอื่นๆ เช่น COPD (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง) pulmonary fibrosis (ภาวะพังผืดในปอด) และ calcium score ในหลอดเลือดหัวใจ โดยในปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองใช้ในโรงพยาบาลศิริราชและรามาธิบดี

6.AI วิเคราะห์ไตวายเฉียบพลันจาก HUEDE Healthtech

HUEDE Healthtech Co., Ltd. พัฒนาซอฟต์แวร์ AI ที่สามารถคาดการณ์ภาวะไตวายเฉียบพลันได้ล่วงหน้า 24-48 ชั่วโมง โดยอ้างอิงจากข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้แพทย์ปรับแผนการรักษาได้ทันเวลา ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิต

โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตและหลังวิกฤต (acute and post-acute) ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันที่มีโอกาสเสียชีวิตถึง 50% ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลข้อมูลผู้ป่วย ข้อมูลการรักษา และข้อมูลการตรวจทางการแพทย์

บริษัทมองว่าตลาดในประเทศไทยและไต้หวันมีความคล้ายคลึงกัน เนื่องจากทั้งสองประเทศมีอัตราผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันสูง และบริษัทเชื่อว่าไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้ โดยซอฟต์แวร์ AI ของ HUEDE มีความแม่นยำสูงถึง 91% และได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกาและไต้หวันแล้ว โดยทำงานร่วมกับโรงพยาบาลชั้นนำในไต้หวันอย่าง Taichung Veterans General Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลอันดับ 99 ของโลก

7.เทคโนโลยีการพิมพ์ทางชีวภาพ 3 มิติ จาก 3D GLOBAL BIOTECH INC.

3D Global Biotech Inc. เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการพิมพ์ ทางชีวภาพสามมิติ โดยเน้นการประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์และการผลิตเนื้อเยื่อชีวภาพ ผ่านเทคโนโลยี 3D Cell Culture, 3D Bio-printing และ Bio-inks ที่มีความทันสมัย ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ การสร้างเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Reconstruction) เช่น Bio-inks/hydrogel และการสร้างเนื้อเยื่อแข็ง (Hard Tissue Reconstruction) เช่น การฟื้นฟูและสร้างกระดูก การฟื้นฟูฟัน และการทำศัลยกรรมกระโหลกศีรษะ 

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่นำเสนอในครั้งนี้ประกอบด้วย ผงขัดฟัน, อุปกรณ์จัดฟันแบบใสที่มีคุณสมบัติเหมือน Invisalign, และเทคโนโลยีชีวภาพทางทันตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ รวมถึงเทคโนโลยี Bioprinting และ Bioink ซึ่งสามารถใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อและอวัยวะที่ใช้ในการรักษาทางทันตกรรม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สำหรับการรักษาฟันทั่วไป เช่น อุปกรณ์ทำฟันปลอมและการรักษารากฟัน เป็นต้น

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์คือคุณภาพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หรือ FDA ทั้งของไต้หวัน สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทย ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย อีกทั้งยังได้รับรางวัล Taiwan Excellence Award ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงนวัตกรรมและความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์  ทำให้แพทย์สามารถนำไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพและมาตรฐาน

8.DeepRed.AI: นวัตกรรมวิเคราะห์สุขภาพด้วย AI สองมิติที่ทรงพลัง

DeepRed.AI เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการวิเคราะห์สุขภาพด้วย AI ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์สองรายการสำคัญ เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม ทั้งในด้านการตรวจวินิจฉัยโรคและการเฝ้าระวังสุขภาพระยะยาว ด้วยสองผลิตภัณฑ์ดังนี้

  • AI สำหรับการวิเคราะห์ภาพ CT Scan ทรวงอก

เทคโนโลยีนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์สุขภาพปอดและหัวใจจากภาพ CT Scan ของทรวงอกภายในเวลาเพียง 3 นาที โดยสามารถตรวจจับความผิดปกติ ได้แก่ ตรวจหาก้อนเนื้อในปอดด้วยความแม่นยำสูงที่จะนำไปสู่โรคมะเร็งปอด ประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจจากการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (calcium score) วิเคราะห์ความหนาแน่นของกระดูกจากภาพเดียวกันเพื่อป้องกันโรคโรคกระดูกพรุน ซึ่งช่วยลดเวลาและเพิ่มความคุ้มค่าให้กับการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน โดยผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหลายครั้งแต่สามารถตรวจทุกอย่างได้ในครั้งเดียว

  • AI สำหรับการวิเคราะห์สมอง

นวัตกรรมนี้ออกแบบมาเพื่อการประเมินสุขภาพสมองอย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยสามารถวิเคราะห์ความผิดปกติตั้งแต่ ประเมินการลดลงของปริมาตรสมอง ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำและการรับรู้ ประเมิณความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ และอายุของสมองในปัจจุบัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคทางสมอง ช่วยเพิ่มโอกาสในการป้องกันและการรักษาในระยะเริ่มต้น

ทั้งสองผลิตภัณฑ์ของ DeepRed.AI ได้รับการทดสอบและนำไปใช้ในโรงพยาบาลและศูนย์ตรวจสุขภาพหลายแห่งในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพในการต่อยอดไปสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น กระดูก ตับ และไต เพื่อให้สามารถตรวจจับโรคได้หลากหลายยิ่งขึ้น แม่นยำสูงขึ้น และระบบการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

9.AI วิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์จาก Alpha Intelligence Manifolds

บริษัทที่ประยุกต์เทคโนโลยี AI สำหรับการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ โดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจวินิจฉัยโรคเรื้อรังสองประเภทหลัก คือ โรคกระดูกพรุน ผ่านภาพเอกซเรย์ (X-ray) ที่มีอยู่แล้วทุกโรงพยาบาล และและโรคหัวใจ ผ่านเครื่องอัลตราซาวด์ขนาดเล็ก เพื่อวิเคราะห์ผลการตรวจได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่สิบวินาที ซึ่งเร็วกว่าวิธีการตรวจแบบเดิมอย่างมาก และยังให้ความแม่นยำสูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของโรคกระดูกพรุนที่ความแม่นยำสูงกว่า 90% เทียบกับวิธีการดั้งเดิมที่อยู่ที่ประมาณ 70%

นอกจากความเร็วและความแม่นยำแล้ว AI ยังช่วยลดต้นทุนการตรวจวินิจฉัยได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีราคาถูกกว่าวิธีการตรวจแบบเดิมถึง 80% ทำให้การเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยโรคที่มีคุณภาพสูงเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกล 

10.Health Tourism ครบวงจรจาก Taipei Beitou Health Management Hospital

Health Tourism ด้วยความร่วมมือจาก Taipei Beitou Health Management Hospital กับ Palais de Chine Hotel ในไต้หวัน ให้บริการตรวจสุขภาพแบบครบวงจรแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเน้นการตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น MRI, CT และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ พร้อมระบบ AI ช่วยวิเคราะห์ผลอย่างแม่นยำ จุดเด่นคือสามารถตรวจเสร็จสิ้นภายในวันเดียว และรับผลได้ทันที อีกทั้งยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำอธิบายผลการตรวจอย่างละเอียด ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสรอดชีวิต อีกยังสามารถเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวในไต้หวัน ด้วยการเดินทางที่สะดวก ใกล้ขนส่งสาธารณ

บริษัทมุ่งเน้นการตรวจคัดกรองมะเร็ง เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก และเชื่อว่าการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ คือหัวใจสำคัญในการรักษา ระบบ AI ของบริษัทมีความสามารถในการวิเคราะห์ขนาดและลักษณะของเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ได้อย่างแม่นยำ หากพบความผิดปกติ สามารถตัดชิ้นเนื้อไปตรวจและรักษาได้ทันที ซึ่งช่วยป้องกันการพัฒนาเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจสุขภาพที่รวดเร็วและแม่นยำนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถจัดสรรเวลาสำหรับการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่

นวัตกรรมทั้ง 10 นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่น่าจับตามองจาก Taiwan Healthcare Pavilion ในงาน Taiwan Expo 2024 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของไต้หวันในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพ งานนี้จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้สนใจ 

ซึ่งไม่เพียงแต่จะยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพของคนไทยเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ร่วมกัน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับระบบสาธารณสุขของทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างไทยและไต้หวัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนวงการสุขภาพไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Intel พลาดอะไรไป ? ทำไมถึงต้องเปลี่ยน CEO กะทันหัน ? ถอดบทเรียนราคาแพงจากยุค Pat Gensinger

การ ‘เกษียณ’ อย่างกะทันหันของ Pat Gelsinger อดีตซีอีโอ Intel ในต้นเดือนธันวาคม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเทคโนโลยี หลายฝ่ายมองว่าเป็นการบีบให้ออกจากบอร์ดบริหาร อันเนื่องมาจากผล...

Responsive image

GAC รถแห่งเมืองกวางโจว ขวัญใจแท็กซี่ยุคใหม่ | Tech for Biz EP. 30

แบรนด์รถยนต์ที่เป็นความภูมิใจของคนกวางโจว สู่ขวัญใจแท็กซี่ยุคใหม่ คลิปนี้ Tech for Biz จะพาไปรู้จัก GAC ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอีกเจ้าที่กำลังบุกตลาดเมืองไทย...

Responsive image

เปิดดีล NVIDIA ปี 2024 ในอาเซียนไปร่วมมือใครมาบ้าง ?

NVIDIA ขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2024 ด้วยการลงทุน AI Centers และการพัฒนาระบบ AI ร่วมกับพันธมิตรในอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทย ขับเคลื่อนภูมิภาคสู่การเป็นศูนย์...