"มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากกว่าเรื่องเงิน"
บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft ได้ทำการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันกับ คริส แอนเดอร์สัน (Chris Anderson) ภัณฑารักษ์ของ TED ผ่านทาง TED Connects มุ่งเน้นประเด็นสำคัญ "ความจำเป็นในการปฏิรูประบบการดูแลสุขภาพเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19"
บิล กล่าวกับ คริส ว่าถ้าหากเขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ สิ่งที่เขาจะทำในตอนนี้ก็คือ "การให้ความสำคัญของการรักษาผู้คนทั่วอเมริกา และทำการแยกตัวเพื่อ 'Flattening The Curve’ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของ COVID-19"
อีกหนึ่งบทบาทของ บิล เกตส์ คือเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ซึ่งมูลนิธิมีประสบการณ์และมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อ รวมถึงมาลาเรีย เอชไอวี และโปลิโอมานานหลายปี
เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อในปี 2015 บิล เกตส์ได้ขึ้นพูดบนเวที TED Talk ในหัวข้อ ‘The next outbreak? We are not ready’ เขาได้พูดถึงสถานการณ์ของโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า ที่เมื่อโลกของเราอาจไม่ได้เผชิญภัยร้ายในรูปแบบสงครามอีกต่อไป แต่เป็นภัยจากการระบาดของไข้หวัดร้ายที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าคำคาดการณ์ของเขานั้นเกิดขึ้นเร็วกว่าระยะเวลาที่เขาคิดไว้ไป 5 ปี ซึ่งเขาก็ได้ระบุปัญหาในตอนนั้นว่า โลกของเรานั้นไม่ได้มีมาตรการการรับมือกับสถานการณ์การระบาดนี้เลย ถึงแม้เราจะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สามารถจะป้องกันภัยนี้ได้
"แม้การพูดในครั้งนั้นก็เป็นระยะเวลา 5 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีมาตรการป้องกันการระบาดของไข้หวัดที่เห็นได้ชัดออกมา" บิล กล่าว
"ในตอนนั้นเราอาจจะพูดว่าเราไม่พร้อมในการระบาดครั้งหน้าก็จริง แต่เราก็มีศักยภาพทางด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์พอที่จะทำให้เรานั้นพร้อมกับการรับมือการระบาดทั่วโลกนี้ได้ และเป็นที่หน้าเสียดายที่เราพัฒนาการป้องกันภัยชนิดนี้ไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น"
ในอีก 10 ปีข้างหน้า โลกของเราอาจไม่ได้เผชิญภัยร้ายในรูปแบบสงครามอีกต่อไป แต่เป็นภัยจากการระบาดของไข้หวัดร้ายที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคน
บิลตอบคำถามจากทางบ้านว่า หากเขาได้เป็นผู้นำ 3 สิ่งที่เขาจะทำก็คือ
ปัจจุบัน มีประชาชนอย่างน้อย 179 ล้านคน จาก 18 รัฐ 31 ประเทศ และ 13 เมืองทั่วโลกกำลังถูกกระตุ้นให้อยู่บ้าน
ตามรายงานข้อมูลจากศูนย์ Johns Hopkins University’s Coronavirus Resource Center ได้เผยให้เห็นจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น กลับกันในขณะที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในประเทศจีนและเกาหลีใต้มีแนวโน้มลดลงลดลง
"ถ้าเราทำการแยกตัวและรักษาระยะห่างทางสังคมเองได้ดีในระดับประเทศ ภายใน 20 วัน เราจะเห็นตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อรายใหม่ลดลง และนั่นเป็นสัญญาณว่าเรามาถูกทางแล้ว"
"การปิดเมืองจะเป็นเรื่องยากสำหรับประเทศยากจนที่มากกว่าประเทศที่ร่ำรวย ในกรณีของประเทศจีนนั้นประมาณหกสัปดาห์ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้และต้องทำมันให้มีประสิทธิภาพ”
"สิ่งที่ชัดเจนในตอนนี้ก็คือ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการรักษาระยะห่างทางสังคม และจะดำเนินต่อไปเช่นนี้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง"
ผู้นำจะต้องมีการสื่อสารเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกสัปดาห์ ว่ามีการทดลองทำอะไรไปแล้วบ้าง มีการออกมาตรการอะไรบ้าง สิ่งที่ได้ปฎิบัติไปแล้ว ได้ผลหรือไม่อย่างไร นี่เป็นเรื่องที่จะต้องรายงานความคืบหน้า
"เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย และพวกเราก็ต้องการการสื่อสารที่ชัดเจนในเรื่องนี้"
นอกจากนี้ บิล เกตส์ ยังเน้นย้ำว่า "เรื่องสุขภาพสำคัญกว่าเงิน เพราะมันไม่สามารถนำกลับมาได้"
“เป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ ที่สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ไม่เคยมีอะไรเช่นนี้เกิดขึ้นในยุคสมัยของเรา” เกตส์กล่าว
“แต่การนำเศรษฐกิจกลับคืนมาและทำกำไรได้อีกครั้งเป็นสิ่งที่สามารถพลิกผันได้มากกว่าการนำคนกลับมามีชีวิต ดังนั้นเราจะใช้ความเจ็บปวดครั้งใหญ่ในมิติทางเศรษฐกิจครั้งนี้ เพื่อลดความเจ็บปวดในมิติของโรคและมิติของความตาย"
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด