การเปิดตัวของ 'ธนาคารไร้สาขา' หรือ Virtual Banks ในฮ่องกงเมื่อสี่ปีที่แล้วถูกมองว่าเป็นอนาคตของการบริการทางการเงินในยุคดิจิทัล โดยมุ่งหวังให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน แต่ถึงแม้จะมีความคาดหวังสูง ผลประกอบการของธนาคารเหล่านี้กลับยังไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวัง การขาดทุนสะสมตลอด 4 ปี ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าธนาคารเหล่านี้ยังสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาวหรือไม่ และทำไมพวกเขายังคงดำเนินธุรกิจต่อไปทั้งที่ผลประกอบการไม่ดี
ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญในระดับโลก ทั้งในด้านการลงทุนและการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ ด้วยระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและกฎหมายที่โปร่งใส ทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร, บริษัทการเงิน, หรือฟินเทค ซึ่งช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดการเงินและการให้บริการทางการเงินแบบใหม่ๆ รวมถึงธนาคารไร้สาขา
ปัจจุบันฮ่องกงมีธนาคารไร้สาขา 8 แห่ง คือ ZA Bank, Mox, WeLab Bank, AirStar, Ant Bank,PingAn OneConnect Bank, Fusion, Livi ซึ่งหลายแห่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนและทั่วโลก เช่น Xiaomi และ Ant Group แม้ว่าธนาคารเหล่านี้จะนำเทคโนโลยีล้ำหน้าเข้ามาทำตลาดและคาดจะเปลี่ยนแปลงวงการการเงิน แต่ผลประกอบการกลับยังไม่เป็นไปตามคาดหวัง
ธนาคารไร้สาขาในฮ่องกง ซึ่งริเริ่มโดยองค์การเงินตราฮ่องกง (HKMA) เพื่อผลักดันประเทศเข้าสู่ยุคธนาคารอัจฉริยะ และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการทางการเงิน แม้จะมีผู้ใช้งานถึง 2.2 ล้านคนในปี 2023 คิดเป็น 8.8% ของตลาดธนาคารรายย่อย แต่ธนาคารเหล่านี้ยังคงประสบปัญหาขาดทุน หลังจากเปิดให้บริการมาเป็นเวลา 4 ปี
จากข้อมูลในครึ่งปีแรกของ 2024 พบว่าธนาคารไร้สาขาในฮ่องกงขาดทุนรวมกว่า 5.3 พันล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มการขาดทุนจะลดลงจากปี 2023 ที่ขาดทุน 6.1 พันล้านบาท แต่ธนาคารทุกแห่งยังไม่สามารถทำกำไรได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ Mox ที่ขาดทุนหนักที่สุดในบรรดาธนาคารทั้งหมด โดยมีกำไรติดลบถึง 1.8 พันล้านบาทและแม้ว่า ZA Bank ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม จะสามารถทำกำไรเป็นครั้งแรกได้ในเดือนกรกฎาคม 2024 แต่ก็ยังมีขาดทุนอยู่ที่ 471 ล้านบาทในครึ่งปีแรกอยู่ดี
แม้ว่าธนาคารเหล่านี้จะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุผลที่พวกเขายังคงดำเนินธุรกิจต่อไปก็เพราะ
ธนาคารไร้สาขาในฮ่องกงกำลังเผชิญความท้าทายในการให้บริการคริปโต เนื่องจากจีนมีกฎเข้มงวดที่ห้ามการซื้อขายคริปโต ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดการเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตามแม้ฮ่องกงจะอยู่ภายใต้การปกครองของจีน แต่มีกฎหมายแยกต่างหาก และกำลังพัฒนากรอบกฎหมายเพื่อรองรับคริปโต ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ธนาคารไร้สาขาสามารถให้บริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตได้ในอนาคต
การที่ธนาคารไร้สาขาต้องเผชิญกับความท้าทายนี้อาจส่งผลให้พวกเขาต้องหาทางเลือกอื่นในการสร้างรายได้ และจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้าให้แข็งแกร่งก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การแข่งขันในตลาดการเงินดิจิทัลมีความรุนแรงมากขึ้น
แน่นอนว่าธนาคารไร้สาขาได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุนในสาขาและบุคลากร ซึ่งธนาคารไร้สาขาสามารถดำเนินงานได้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม ธนาคารแบบดั้งเดิมยังคงมีข้อได้เปรียบในแง่ของ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และ ความครอบคลุมของบริการทางการเงิน ซึ่งเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้โดยตรง เช่น การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอคำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาทางการเงินที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารไร้สาขาอาจไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่ในบางกลุ่มผู้ใช้งาน
แม้ว่าธนาคารไร้สาขาในฮ่องกงจะยังไม่สามารถทำกำไรได้หลังจากเปิดให้บริการมา 4 ปี แต่มีความคาดหวังว่าในอนาคต การเติบโตของฐานลูกค้าและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะช่วยให้พวกเขากลับมาทำกำไรได้ เมื่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเอื้ออำนวย โดยเฉพาะในตลาดการเงินดิจิทัลที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีต่อๆ ไป
จากการคาดการณ์ของ Mordor Intelligence ซึ่งระบุว่ามูลค่าตลาดธนาคารดิจิทัลทั่วโลกจะสูงถึง 13.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2027 นอกจากนี้ ธนาคารไร้สาขายังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการให้บริการทางการเงินให้เข้าถึงผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ใช่ทุกรายจะสามารถอยู่รอดในตลาดนี้ได้ เนื่องจากการแข่งขันมีความรุนแรง และอาจมีธนาคารบางแห่งที่ไม่สามารถรักษาสถานะทางการเงินได้ในระยะยาว ซึ่งทำให้ตลาดการเงินดิจิทัลอาจหดตัวลง เหลือเพียงไม่กี่รายที่สามารถอยู่รอดได้ในอนาคต
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถนำโมเดลธนาคารไร้สาขามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น Ant Financial และ WeBank ที่มีการให้บริการผ่านแอปพลิเคชันที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการปล่อยสินเชื่อและการทำธุรกรรมแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว Ant Financial สามารถดึงดูดลูกค้ากว่า 1.3 พันล้านรายในหลายประเทศ ส่วนในกรณีของสิงคโปร์ รัฐบาลได้สนับสนุนการเติบโตของธนาคารไร้สาขา โดยมีการออกใบอนุญาตพิเศษเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในตลาดการเงิน ซึ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินที่ทันสมัย และเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาคนี้
ธนาคารไร้สาขาในฮ่องกงอาจจะยังไม่สามารถทำกำไรได้หลังจากเปิดให้บริการมานาน 4 ปี แต่ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาล, การลดต้นทุนการดำเนินงาน, และการมองการณ์ไกลในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า SMEs พวกเขาจึงยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปและหวังว่าจะสามารถคืนทุนได้ในอนาคตข้างหน้า แม้จะมีความท้าทายจากการขาดการรองรับการให้บริการคริปโตและการแข่งขันที่รุนแรงจากธนาคารแบบดั้งเดิมก็ตาม
อ้างอิง: nikkei, fintechnews, synchrony, fintechnews, rfi.global, edgardunn, theasset, antgroup, bank.za.group
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด