2. ทักษะด้านการเป็นผู้นำที่กล้าหาญ (Courageous leadership)

ได้มีการศึกษาและแสดงให้เห็นมากมายว่าผู้ที่มีทักษะดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือได้รับเลือกให้มีหน้ารับผิดชอบเพิ่มเติม ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารหรือผู้จัดการในการมีทักษะนี้  

การมีความเป็นผู้นำไม่ได้เป็นเพียงแค่การมีความสามารถในการจัดการทีมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีความกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ อย่างเช่น

• การกล้าที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อรับบทบาทใหม่ที่จะขยายประสบการณ์ของตยเอง
• การมีความซื่อสัตย์ กล้าที่จะบอกคนอื่นในสิ่งที่พวกเขาควรได้ยิน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการได้ยิน
• ความกล้าที่จะตัดสินใจและดำเนินการ เพื่อลดการสูญเสียเมื่อมีความจำเป็น

3. ทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional intelligence)

การพัฒนาขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของ machine learning ทำให้นายจ้างไม่เพียงแต่มองหาผู้ที่มีความสามารถในการรับรู้เข้าใจเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการจัดการอารมณ์อีกด้วย

ผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงจะมีความเข้าใจและความสามารถในการโต้ตอบกับความรู้สึกของตนเอง อันจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ และการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal communication)

ในโลกที่ผู้คนมีช่องทางการสื่อสารหลักบนดิจิทัลแพลตฟอร์มอย่าง Zoom หรือ Slack ทำให้การมีความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่นอย่างชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การแก้ปัญหา ไปจนถึงการจัดการการสนทนาที่ประสบความสำเร็จ

ซึ่งทักษะนี้ไม่ได้หมายถึงแค่การรู้จักพูดอย่างไรเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการรู้จักรับฟังและเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นอีกด้วย

5. ทักษะความยืดหยุ่นทางความคิด (Cognitive Flexibility)

จากรายงานของ World Economic Forum ได้ทำการทำนายอนาคตของตลาดแรงงานใน 9 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันใน 15 ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก พบว่าในไม่ช้านายจ้างจะให้ความสำคัญกับความสามารถทางปัญญา เช่นทางด้านความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการปรับตัว

ผู้ที่มีทักษะความยืดหยุ่นทางความคิดจะเป็นผู้ที่ได้รับพลังจากการเปลี่ยนแปลง สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมรับ เรียนรู้ ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ และสามารถพิจารณาหลายๆ ไอเดียได้พร้อมกัน

อ้างอิง CNBC