Agoda กับเบื้องหลังทีมเทคโนโลยีระดับ Silicon Valley แห่งเอเชีย | Techsauce

Agoda กับเบื้องหลังทีมเทคโนโลยีระดับ Silicon Valley แห่งเอเชีย

Techsauce ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ Idan Zalzberg รองประธานฝ่ายข้อมูล บริษัท Agoda ถึงเบื้องหลังการทำงานของทีมเทคโนโลยีของบริษัทสาย TravelTech กับ การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในช่วงโควิดที่ผ่านมา พร้อมทั้งทัศนคติขององค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้ทีมเทคในประเทศไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีในระดับ Silicon Valley แห่งเอเชียให้ได้

Idan Zalzberg ทำงานที่ Agoda และย้ายมาประจำอยู่ประเทศไทยกว่า 7 ปี โดยได้กล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจและท้าทายมากๆ โดยตัวเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด 

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในไทยโตขึ้นขนาดไหน เมื่อเทียบกับ 7 ปีก่อน?

มันยอดเยี่ยมเลยเลยทีเดียว ช่วงเวลาเจ็ดปีก่อนกับตอนนี้ต่างกันมากแบบเทียบไม่ติด เราได้เห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจน และในฐานะ Agoda เราเองก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตนี้ 

Agoda มีโครงการฝึกงานมากมาย และได้นำคนที่มีความสามารถจากหลากหลายที่มาช่วยเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆให้กับประเทศไทย และเผยแพร่ความรู้นั้นออกไป อีกเรื่องที่ยอดเยี่ยมก็คือการที่คนในประเทศมีความกระหายในความรู้และต้องการการพัฒนาในอาชีพการงาน รวมไปถึงมีความตั้งใจ ทำงานเพื่อไปถึงจุดที่ตัวเองต้องการ ทุกคนพร้อมที่จะเติบโตและสร้างเป็นส่วนหนึ่งของ Tech community ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเจ็ดปีที่ผ่านมาของผม

การทำงานและเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่

Agoda รับนักศึกษาฝึกงานจำนวนมาก และจ้างนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากเช่นกัน มันคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในองค์กร ที่นี่เราชอบคนที่มีความคล่องแคล่ว ตั้งใจทำงานให้สำเร็จลุล่วง และผมคิดว่าวัฒนธรรมนี้ก็เป็นสิ่งที่มาควบคู่กับบุคลากรที่เราจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มองหางานที่ให้มากกว่าเงินเดือนสูง แต่ยังต้องอาศัยความกระตือรือร้น พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลา ในฐานะองค์กรเอง เราก็ได้ประโยชน์จากการที่มีบุคลากรหมุนเปลี่ยนกันเข้ามาให้ความรู้ และเติบโตขึ้น 

บางครั้งเราได้เห็นการเติบโตจากบุคลากรของเราที่ได้ไปทำงานให้กับบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกอย่าง Google หรือ Facebook ซึ่งเราเองก็หวังที่จะพัฒนาให้ไปอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาให้ได้ แน่นอนว่าคนเก่งๆ หลายคนไปถึงจุดนั้นด้วยความสามารถของตัวเอง แต่เราก็ถือว่ามีส่วนที่ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนคนเก่งๆ เช่นกัน 

การระบาด COVID-19 มีผลต่อ Agoda ในฐานะบริษัทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างไร?

ก่อนอื่นเลย มันยากที่จะนึกถึงข้อดีที่จะเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์นี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบเลวร้ายกับทั่วโลก ในมุมของ Agoda โควิดทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงและให้โอกาสกับเรา ช่วงที่ผ่านมาพฤติกรรมการเดินทางของผู้คนเปลี่ยนไป ผู้คนต้องการเดินทางภายในประเทศ และหาการพักผ่อนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งเราก็ได้เล็งเห็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อเรารู้ว่าผู้คนต้องการอะไร ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการนั้น 

Agoda ปรับตัวและฟื้นตัวจากวิกฤตนี้อย่างไร?

เรามีการออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่หลายอย่าง อย่างแรก คือการให้บริการกับคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศและต้องทำการกักตัว ซึ่งเราเป็นบริษัทรายแรกๆ ที่เข้าทำงานร่วมกับรัฐบาลและให้บริการนี้ โดยบริการนี้จะช่วยรองรับการกักตัวและช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในเรื่องสุขอนามัยให้กับลูกค้าของเรา 

โปรเจคที่สอง คือโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดย Agoda เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับเลือกให้เข้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดการเดินทางในประเทศมากขึ้น และทำให้การท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายน้อยลง จากโครงการนี้ทำให้เราได้นำไปปรับใช้กับประเทศอื่นที่มีไอเดียคล้ายๆ กัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วโลกด้วย 

โปรเจคสุดพิเศษอีกอย่างคือ Agoda Special Offers (ASO) การผลักดันการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือการนำเสนอดีลที่เพิ่มประสบการณ์หลากหลายยิ่งขึ้นที่โรงแรมหรือที่พัก แต่ก่อนผู้คนอาจจะคิดว่าโรงแรมเป็นแค่สถานที่เอาไว้นอนและพักผ่อนเท่านั้น แต่ตอนนี้ โรงแรมแต่ละแห่งก็เริ่มออกสินค้าและบริการใหม่ๆ เอาไว้รองรับลูกค้ามากขึ้น เช่น การนวดในสปา การสอนทำอาหารจากเชฟ หรือประสบการณ์อื่นๆ มากมาย โดย Agoda ก็คอยสนับสนุนและช่วยให้โรงแรมได้เข้าใจถึงเทรนด์ใหม่นี้ พร้อมผลักดันพวกเขาไปในตัว 

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการเหล่านี้

ที่ผ่านมามันออกมาดีมาก ๆ ผลลัพธ์ที่ได้มานั้นน่าสนใจเลยทีเดียว แม้อาจไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขแน่ชัดได้ แต่ว่าถือว่าเราได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี 

แน่นอนว่าทุกครั้งที่เกิดกระบวนการคิดอะไรใหม่ๆ ออกมาในบริษัทขนาดใหญ่อย่างนี้ มันต้องอาศัยเวลาในการสร้างและขยายตัวค่อนข้างนาน แต่เราค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่ทำได้ ผมเชื่อว่าเทรนด์นี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะโควิด แต่มันคือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ซึ่งบางอย่างจะอยู่กับเราตลอดไป หรือบางอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แต่แน่นอนว่าไอเดียใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น จะไม่หายไปหลังโควิด เพราะมันได้มอบโอกาสให้กับโรงแรมต่างๆ ในการขายสินค้าและบริการใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งหนทางเพิ่มรายได้ในระยะยาว

คิดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยจะฟื้นตัวเมื่อไหร่?

ผมว่าไม่มีใครรู้เวลาที่แน่นอน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการเรื่องวัคซีน ซึ่งจะช่วยให้เราผ่านสถานการณ์ในตอนนี้ไปได้ ผมเพิ่งกลับมาจากอิสราเอล เพื่อไปเยี่ยมครอบครัวหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี พูดได้เลยว่าการกลับไปครั้งนี้ได้ให้ความหวังมากๆ เพราะตอนนี้ที่อิสราเอลได้ยกเลิกการใส่หน้ากากกันแล้ว โควิดได้หายไปจากอิสราเอลเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีการออกข่าว คนไม่พูดถึงมันอีกต่อไป ไม่พบผู้ป่วย และผู้คนสามารถกลับมาใช้ชีวิตกันเหมือนเคย ผมเองก็เพิ่งไปชมละครสัตว์มาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ดังนั้น ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่ว่าจะจัดการวัคซีนได้เร็วแค่ไหน ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี เลยหวังว่าจะใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนนะครับ

วิสัยทัศน์ของทีมเทค Agoda

วัฒนธรรมหลักของ Agoda คือ การเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับการทดสอบและวัดผลตลอดขั้นตอนการทำงาน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรายึดถือในใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อมีโปรเจคที่ต้องทดสอบเกิดขึ้น เราจะสามารถทำการทดลองได้กว่าพันครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนดทิศทางใหม่ๆ ได้ และนำมาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับเทคโนโลยีของ Agoda ซึ่งก็คือการจัดการกับการสเกลขนาดใหญ่และรองรับข้อมูลปริมาณมาก ยกตัวอย่าง เช่น การรองรับข้อความกว่าหนึ่งล้านล้านข้อความในแต่ละวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจมากกับการรับมืองานสเกลใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่นี่เรามีวิธีทำการทดลองทำสิ่งต่างๆ ได้ในต้นทุนที่ถูก โดยที่ไม่ต้องมาคอยกังวลว่า จะทดลองอะไรแต่ละทีแล้วจะต้องเสียเงินมากโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งเมื่อเราไม่มีอุปสรรคตรงนี้ เราก็สามารถพัฒนาได้เร็วขึ้น ได้เรียนรู้ตลอดเวลา 

สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียนรู้ และเรามักจะใช้คำว่า ‘วิทยาศาสตร์’ เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ซึ่งเวลาที่เราจะทำอะไรมักจะใช้ความเป็นวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องให้มากที่สุดเพื่อให้แพลตฟอร์มของเราสามารถทดสอบได้ตลอดเวลา เราไม่ค่อยมีวันเดดไลน์ที่ชัดเจนว่าต้องทำเสร็จเมื่อไหร่ เพราะงานของเราคือการพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง มันมีสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นได้อีกอยู่เสมอ เราจึงมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จากการพัฒนางานสเกลเล็ก ๆ ไปจนถึงระดับการปฏิวัติวงการ เรายังคงพัฒนาต่อไปเรื่อย และไม่กลัวที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดหากเรามองว่ามันสามารถทำได้ดีขึ้นกว่านี้ เราไม่อยากยึดติดกับสิ่งที่เคยมีหรือเคยทำได้มาก่อน เราต้องการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา 

อะไรทำให้เทคโนโลยีของ Agoda แตกต่างจากบริษัทอื่น ?

ผมว่ามันคือการที่เรารับมือกับสเกลขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี และยังมุ่งที่จะทำให้มันดีกว่าเดิมอยู่เสมอ  อย่างแรกเลยก็คือเราใช้เทคโนโลยีแบบ Open Source ค่อนข้างเยอะทีเดียว ซึ่งมันมีประโยชน์ คือช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ให้น้อยลง แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายอย่างเดียว แต่มันช่วยให้เราสามารถขยายสเกลได้เร็วขึ้น แม้ว่าปัญหาของเราจะไม่ใช่การจ่ายเงินก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาคือสิ่งที่ไม่สามารถขยายเพื่อรองรับสเกลที่ใหญ่ขึ้นได้แม้จะมีการจ่ายเงินหรือใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาแล้วก็ตาม 

อย่างที่สอง คือ เรามีความหลงใหลที่จะเข้าใจในทุกรายละเอียดของเทคโนโลยีที่เราใช้ว่ามันทำงานอย่างไร เรียนรู้ว่ามันจะทำงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้นแบบไหน และจะยังคงประสิทธิภาพได้หรือไม่ หรือบางครั้งเราอาจต้องเปลี่ยนเทคโนโลยีที่เราใช้อยู่เพื่อให้งานของเราสำเร็จให้ได้ สิ่งที่เราต้องการจะทำไม่ใช่การสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้วค่อยนำธุรกิจมาครอบ แต่เราฝันถึงธุรกิจและเทคโนโลยีที่เราต้องการก่อน แล้วค่อยพัฒนาเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะการคงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีให้ได้ในแม้ในสเกลขนาดใหญ่ นั่นคือสิ่งที่พิเศษสำหรับ Agoda 

การมองหา talent มีความท้าทายอย่างไรบ้าง?

สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดต่อบริษัทในระยะยาวคือบุคลากร ไม่มีอะไรสามารถเทียบได้กับความสำคัญของการมีคนคอยช่วยอยู่ในทีมจนเรากลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีขึ้นมาได้ บริษัทเทคโนโลยีไม่ได้มีเพียงแค่เทคโนโลยีกับคนที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้น ถ้าไม่มีทีมทุกอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ เรื่องนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราให้ความสนใจที่สุด 

ทีมของเราขยับขยายมาตลอด ตั้งแต่ผมเริ่มทำงานกับฝ่ายเทคโนโลยี ตอนนั้นน่าจะมีคนอยู่ 250 คน ตอนนี้เรามีบุคลากร 1,250 คนแล้ว ซึ่งจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าภายใน 7 ปีที่ผ่านมา สำหรับบริษัทที่มีขนาดใหญ่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับคนเพิ่มขึ้นมา 5 เท่า เราไม่สามารถที่จะบอกว่า “บริษัทเราต้องการคนเพิ่มเยอะนะ ไม่จำเป็นต้องเอาแต่คนเก่งมาก ๆ ก็ได้” เพราะมันตรงข้ามกันเลย เมื่อเวลาผ่านไปการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มส่งผลในวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ 

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ว่าเราคอยคิดไอเดียใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ แต่ไอเดียนั้นต้องมีสเกลที่เหมาะสมกับ Agoda ในปัจจุบันด้วย ไม่ใช่กับ Agoda ใน 7 ที่ผ่านมา ภาพรวมของงานจึงขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดของบริษัท และนั่นก็คือความจริงในโลกของธุรกิจ ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมพนักงานสำหรับความท้าทายที่จะเกิดขึ้น แต่บางครั้ง เราก็ประสบความท้าทายอยู่หลายครั้ง 

มีทางสองแบบที่คุณเลือกได้ อย่างแรกก็คือ หากคุณคิดว่านี่คือบุคลากรที่มีอยู่ในบริษัท และคุณก็ให้งานที่เหมาะกับความสามารถของพวกเขาไป อันที่จริง การทำแบบนี้เป็นการลดระดับความสามารถของทีมให้ด้อยลง คุณอาจจะคิดว่าถ้าทีมด้อยลงก็ต้องให้งานที่ง่ายขึ้นไปตามระดับ แล้วคนที่มีความสามารถก็จะคิดว่างานที่ได้รับไม่ดึงดูด ไม่น่าสนใจ แล้วก็ลาออกไป คุณจะทำแบบนั้น หรือคุณจะให้งานที่มีระดับความยากสูงขึ้นเรื่อย ๆ และคอยผลักดันความสามารถของทีมขึ้นไปทำให้มีคนมีความสามารถเข้ามาร่วมทำงานด้วยกัน 

ด้วยเหตุนี้เวลาเราสัมภาษณ์งานเรามักจะไม่พูดถึงผลตอบแทนที่สูงพอสมควรหรืออะไรแบบนั้น เราเน้นคุยเรื่องการมาทำงานที่นี่และพร้อมสำหรับความท้าทายที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้และการเติบโตในบริษัท นี่เป็นสิ่งที่เราอยากจะสื่อออกไปมากที่สุด ทุกคนที่อยู่กับเราและคนที่เข้ามาใหม่ก็รู้ถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพื่อที่ทุกคนจะได้มีความพร้อมในการแก้โจทย์ปัญหายาก ๆ ซึ่งพบเจอได้ตลอด แก้แล้วแก้อีก แก้เท่าไหร่ก็จะยังเจอปัญหาไปตลอดเหมือนเป็นวังวนแห่งความท้าทาย มันเลยเป็นเหตุผลที่เราจัดการแข่งขันเขียนโค้ดและมีออฟฟิศกระจายอยู่ทั่วโลกเพื่อรองรับคนที่มีความสามารถ

คิดอย่างไรกับความสามารถของ talent ไทย?

ผมตื่นเต้นสุด ๆ กับการที่ได้มาทำงานกับคนไทยนะ วัฒนธรรมการทำงานของคนที่นี่ ทุกคนมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานอย่างหนัก ผมมักจะพูดอยู่เสมอว่าคนไทยไม่ใช่แค่ทำงานหนัก แต่ยังทำมันไปพร้อมกับรอยยิ้ม และรอยยิ้มเป็นที่ผมเห็นแล้วจะซาบซึ้งใจอยู่เสมอ 

อีกเรื่องดี ๆ ที่ผมเห็นจากพนักงานที่นี่คือ เรามักจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกันอยู่เสมอเวลาระบบของเราเกิดความผิดพลาด บางทีปัญหาอาจเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน เราให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงเราจึงไม่สามารถที่จะบอกว่า เดี๋ยวไว้ค่อยมาแก้พรุ่งนี้แล้วกัน ลูกค้าบางคนอาจเจอกับปัญหามากมายเพียงเพราะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในการจองโรงแรมหรือตั๋วเครื่องบิน ลูกค้าอาจต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราเคยมีเคสที่ต้องทำงานกันอย่างหนักหน่วง และสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมาก ๆ คือนอกจากพวกเขาจะฉลาด มีไหวพริบ ตั้งใจทำงานแล้ว พวกเขายังมีทัศนคติที่ดีต่องานด้วย

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้เกิดขึ้นใน Agoda คือการสนับสนุนให้ทุกคนได้พูดแสดงความเห็นออกมา เราอยู่ในวัฒนธรรมเอเชียและไทย ผู้คนมักจะไม่ค่อยกล้าพูดสักเท่าไหร่ เราเลยพยายามที่จะช่วยให้คนได้เปิดใจมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเราเอาแต่พึ่งไอเดียของผมหรือผู้จัดการหลาย ๆ ฝ่ายเพียงอย่างเดียว ก็คงไม่ได้ เราจึงพยายามร่วมมือกันกับพนักงานและสร้างวัฒนธรรมนี้ขึ้นมาใหม่ วัฒนธรรมที่คิดเห็นอย่างไรก็ให้พูดออกมา วัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดการสนทนาระหว่างเพื่อนร่วมงาน เจอปัญหาแล้วชี้ให้เพื่อนร่วมงานเห็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย และเราสามารถบอกกันได้ในแบบที่ยังเคารพซึ่งกันและกัน สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญก็คือการช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุด ผมจึงพยายามที่จะให้ทุกคนช่วยบอกว่าผมพลาดตรงไหน และผมก็จะเล่นใหญ่ทุกครั้งเวลามีคนบอกว่าผมพลาดอะไรไป เพราะผมซาบซึ้งกับการที่พนักงานสามารถมองหาจุดผิดพลาดและนั่นทำให้พวกเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในที่ที่ผมจากมามันตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมไทยเลย ทุกคนจะแย่งกันพูดอยู่ตลอดเวลา

สำหรับงาน Codegoda 2021 ที่จะเกิดขึ้น เป้าหมายคืออะไร

งานน่าจะเริ่มประมาณเดือนหน้าครับ เป็นการแข่งเขียนโค้ดครั้งนี้จะจัดในรูปแบบออนไลน์ คุณแค่เข้าสู่ระบบไปในเว็บของ Interviewbits แก้โจทย์ที่ได้รับมาภายใต้เวลาที่จำกัด และระบบก็จะให้คะแนนตามผลงานของคุณ ผมคิดว่าการแข่งนี้มีบางอย่างที่สอดคล้องกับมุมมองของ Agoda อยู่แล้ว อย่างที่ผมบอกไปว่าพวกเราหลงใหลไปกับการแก้ปัญหาและเทคโนโลยี และการแข่งเขียนโค้ดก็รวมสองอย่างนี้เอาไว้ด้วยกัน มันไม่ใช่แค่การรู้โครงสร้างหรือที่มาของภาษาที่ใช้ มันคือการเจอกับโจทย์ปัญหาแล้วนั่งแก้มันออกมาด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว การคิดหาวิธีว่าจะแก้ไขมันอย่างไร จะใช้วิธีไหนให้ได้ผลดีที่สุด วิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหา นี่แหละคือหัวใจหลักของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  

ที่ Agoda เรามองหาคนที่สนอกสนใจกับการแก้ปัญหาแบบนี้ แน่นอนว่าเรามีรางวัลที่ใหญ่พอสมควรให้สมกับความพยายามที่พวกเขาใช้ในการแข่งขัน แต่จุดหมายจริง ๆ ของเรามีเพียงแค่การเฟ้นหาคนที่สนุกไปกับการแก้โจทย์ปัญหา เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อมาร่วมงานกับ Agoda คุณแก้โจทย์ปัญหา ใช้สมอง ใช้ความคิด เพื่อแลกกับเงินเดือน รวมไปถึงความตื่นเต้นเมื่อคุณเจอวิธีแก้และนำไปแบ่งปันกับเพื่อนร่วมงาน การแข่งครั้งนี้จึงเป็นเหมือนวิธีที่เราใช้ในการยกระดับและเผยแพร่วัฒนธรรมของเราออกไปสู่โลกภายนอก รวมไปถึงใช้ตามหาสิ่งที่พวกเราต้องการ

Codegoda 2021

Agoda เปิดตัว Codegoda การแข่งขันเขียนโปรแกรมระดับโลก เพื่อให้นักพัฒนาและวิศวกรซอฟต์แวร์ทั่วโลกได้แข่งขันแก้ปัญหาเกี่ยวกับอัลกอริทึม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้ภาษาสำหรับการเขียนโปรแกรมที่เลือก เช่น C++, Python, Java, Swift, Javascript และอื่น ๆ ภายในเวลา 5 ชั่วโมง โดยการแข่งขันนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 14:00 น. ตามเวลาประเทศไทย 

โจทย์ปัญหาสำหรับการแข่งขันครั้งนี้คิดขึ้นโดยทีมงานชั้นนำด้านเทคโนโลยีของ Agoda ที่ช่วยขับเคลื่อนการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยการดำเนินการทดลอง 1,000 ครั้ง พร้อม ๆ กันในช่วงเวลาหนึ่ง และจัดการการนำข้อมูลมาใช้ถึง 1,200 ครั้งทุกวัน ในแต่ละวันทีมงานด้านเทคโนโลยีของ Agoda จะทำหน้าที่รับผิดชอบข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ ซึ่งมีขนาดความจุกว่า 220Tb รวมถึงดูแลข้อมูลที่เกิดขึ้นนับล้านล้านให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ Codegoda.io ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม 2564 เวลา 14:00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นที่เว็บไซต์ Interviewbit และผู้เข้าแข่งขันจะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลมูลค่าสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จากเทคโนโลยี AI สู่ IA เพื่อมนุษย์ ในมุมมองของ “Pattie Maes”

เทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาชีวิตได้อย่างไร? มาดูแนวคิดในการออกแบบและทดสอบอุปกรณ์ที่ช่วยให้มนุษย์สามารถเรียนรู้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไปกับคุณ Pattie Maes นักวิจ...

Responsive image

สนามบินคันไซ 30 ปีไม่เคยทำสัมภาระผู้โดยสารสูญหาย ตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่ 1994 จนปัจจุบัน

30 ปีไม่มีพลาด สนามบินนานาชาติคันไซของญี่ปุ่นรักษาสถิติ ‘ไม่เคยทำสัมภาระผู้โดยสารสูญหาย’ เลยสักครั้ง นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 1994 จวบจนปัจจุบัน...

Responsive image

DeFi เกิดมาเพื่อทำลายระบบธนาคารจริงหรือไม่

เก็บตกประเด็นน่าสนใจจากงานเสวนาในหัวข้อ he Rise of Decentralized Finance (DeFi): Disruption or Distraction? จาก Money 20/20 Asia...