
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวงการธุรกิจ เทคโนโลยี และนโยบายระดับประเทศ แต่คำถามสำคัญที่หลายองค์กรยังตอบไม่ได้คือ เราจะเริ่มต้นเปลี่ยนองค์กรด้วย AI อย่างไร?, AI จะมาแทนคนหรือมาช่วยคน ?, องค์กรของเราเหมาะกับการใช้ AI แบบไหน ?
บนเวทีสัมมนา AI-Driven Business Transformation in the ASEAN Region ในงาน Singapore FinTech Festival 2026 โดยคุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ, CEO ของ Techsauce ได้ถ่ายทอดแนวคิดและกรณีศึกษาจากประสบการณ์ตรงในการสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีระดับภูมิภาค เพื่อตอบคำถามว่า “องค์กรในอาเซียนจะขับเคลื่อนด้วย AI อย่างไรให้เกิดผลจริง”

คุณอรนุชเริ่มต้นด้วยภาพใหญ่ของโลกปัจจุบัน ที่ทุกภาคส่วนต้องเผชิญกับแรงกดดัน โดยหยิบยกมา 4 ด้านหลัก คือ
“AI ไม่ได้อยู่แค่ใน Model layer แต่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ layer การ supply energy, โครงสร้างการประมวลผล (Computing Power) และdata”
ในขณะที่ 2 มหาอำนาจโลกอย่างจีนและ สหรัฐฯ ต่างแข่งขันกันเพื่อครอบครองอนาคตของ AI ประเทศในอาเซียนอย่าง ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ควรหันกลับมามองจุดแข็งของตัวเอง นั่นคือ ข้อมูลท้องถิ่น (Local Data) ที่มีบริบทเฉพาะ เช่น ข้อมูลสุขภาพ การเงิน หรือพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งเป็นขุมทรัพย์สำคัญในการสร้างนวัตกรรม AI ที่ตอบโจทย์ภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง
คุณอรนุชชี้ให้เห็นว่า โลกธุรกิจกำลังเปลี่ยนจากยุคที่ขนาดคือความได้เปรียบ (Economy of Scale) เช่น การมีโรงงานใหญ่ สาขามาก หรือกำลังผลิตสูง สู่ยุคที่ความฉลาดของข้อมูลและระบบ คือพลังการแข่งขันใหม่ (Economy of Intelligence)
ในมุมขององค์กร การเปลี่ยนผ่านนี้หมายถึงว่า การเติบโตไม่ได้มาจากจำนวนพนักงานหรือขนาดองค์กรอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้าและธุรกิจ
หรือกล่าวคือ องค์กรยุคใหม่ต้องฉลาดขึ้น ไม่ใช่ใหญ่ขึ้น ต้องรู้จักนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกมิติ ตั้งแต่การผลิต การบริการลูกค้า ไปจนถึงการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และตัวอย่างจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ชัดเจนคือ
การใช้ AI จึงไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานและนวัตกรรมของทั้งองค์กรไปเลย

“ก่อนจะเริ่มคิดว่า ‘จะทำอย่างไร (How)’ หรือ ‘จะใช้เครื่องมืออะไร (What)’ เราควรถามตัวเองก่อนว่า ‘ทำไม (Why)’ เราถึงต้องใช้ AI ในกระบวนการนี้ กลับไปที่เป้าหมายทางธุรกิจ”
คุณอรนุชเตือนว่า หลายองค์กรในอาเซียนรีบกระโดดเข้าสู่การใช้เทคโนโลยี โดยไม่ได้นำไปผูกกับโจทย์ทางธุรกิจ
องค์กรจึงควรกลับมาทบทวน กลยุทธ์หลักของบริษัทและวางแผนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงทำโปรเจกต์ทดลองระยะสั้น แต่ต้องฝัง AI เข้าไปในกลยุทธ์, โครงสร้างและวัฒนธรรมขององค์กร
ดังนั้น ก่อนจะเริ่มวางกลยุทธ์หรือเปิดโครงการ AI ใดๆ คุณอรนุชชวนผู้นำองค์กรทุกคนเริ่มจาก AI Readiness Checklist for Leaders หรือคำถาม 5 ข้อที่ผู้บริหารควรถามตัวเองก่อนเข้าสู่ยุค AI

คุณอรนุชได้แบ่งแนวทาง AI Transformation ออกมา 9 ขั้นตอน โดยในงานสัมมนาครั้งนี้ เนื่องด้วยเวลาจำกัด เลยเลือกมา 3 มิติหลักก่อน ซึ่งองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่บริษัทใหญ่จนถึง SME สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านด้วย AI ต้องมาจากวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจนมากกว่าการทดลองใช้เทคโนโลยีแบบไม่มีทิศทาง ดังนั้น องค์กรควรถามตัวเองก่อนว่า “เราต้องการใช้ AI เพื่ออะไร?” เช่น เพื่อสร้างรายได้ใหม่ หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร
เมื่อกำหนดเป้าหมายแล้ว ต้องพิจารณาด้วยว่าเป้าหมายเหล่านั้นสามารถวัดผลได้จริงหรือไม่ เช่น มีตัวชี้วัดและการวัดผลที่ชัดเจน ซึ่งสามารถสื่อสารให้ผู้บริหารและฝ่ายการเงินเข้าใจได้

เมื่อองค์กรมีเป้าหมายที่ชัดเจน ขั้นตอนต่อมาคือการเลือก “โครงการเริ่มต้น” ที่ให้ผลลัพธ์จริงและสามารถต่อยอดได้ เป็น Quick Win Project ในเชิง High Value , High Feasibility สามารถนำมาจัด priority เริ่มต้นก่อน ผสมผสานกับการประยุกต์นำ IDEO’s Desirability–Viability–Feasibility Framework มาใช้ เพื่อช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลว่าโครงการใดควรเริ่มก่อน
ภาพในสไลด์ประกอบด้วยวงกลมสามวงซ้อนกันตรงกลาง ซึ่งจุดตัดของทั้งสามวงคือ Innovation และนั่นคือจุดที่ AI จะสร้างคุณค่าทางธุรกิจได้
1. Desirability (Human Need)
เริ่มจากการทำความเข้าใจว่าใครคือผู้ใช้จริง และปัญหาที่เรากำลังพยายามแก้คืออะไร เพราะโครงการ AI ที่ดีต้องตอบโจทย์ผู้ใช้จริง ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเป็นกระแส
2. Feasibility (Technical or Operational)
พิจารณาความเป็นไปได้เชิงเทคนิคและกระบวนการว่าโซลูชันนี้ทำได้จริงหรือไม่ องค์กรมีข้อมูล เครื่องมือ และโครงสร้างพื้นฐานพร้อมหรือยังที่จะรองรับการพัฒนาและใช้งาน AI
3. Viability (Business Impact)
ตรวจสอบว่าผลลัพธ์ของโครงการสร้างคุณค่าทางธุรกิจที่วัดได้หรือไม่ จุดนี้ไม่จำเป็นต้องหมายถึงเพิ่มรายได้เสมอไป แต่อาจเป็นมูลค่ามิติอื่นทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุน
ด้วยกรอบคิดนี้องค์กรสามารถคัดเลือก Use Case ที่มีผลกระทบสูงและสามารถเริ่มได้จริง ช่วยหลีกเลี่ยงการลงทุนในโครงการที่ไม่ตอบโจทย์หรือไม่สร้างคุณค่าในระยะยาว

คุณอรนุชย้ำว่า เทคโนโลยี และ process เปลี่ยนองค์กรไม่ได้ ถ้าคนไม่พร้อมจะเปลี่ยน หัวใจของการเปลี่ยนผ่านด้วย AI จึงไม่ใช่เพียงระบบหรือเครื่องมือ แต่คือคนในองค์กร
องค์กรควร segment กลุ่มพนักงานออกตามทักษะ ความสามารถ เพื่อออกแบบแนวทางการพัฒนาให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจและความพร้อมของแต่ละกลุ่ม อาทิ
ท้ายที่สุด การทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วย AI ไม่ได้เริ่มต้นจากเทคโนโลยี แต่เริ่มจากความเข้าใจและความตั้งใจของผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีเป้าหมาย AI จะทรงพลังได้ก็ต่อเมื่อถูกใช้เพื่อเสริมศักยภาพของคน และสร้างคุณค่าจริงให้กับธุรกิจและสังคม เพราะในโลกยุคใหม่ ความฉลาด คือพลังการแข่งขันที่แท้จริงขององค์กร
_____________________
เตรียมความพร้อมให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ยุค AI อย่างมั่นใจ ด้วยการพัฒนา people, process และ technology อย่างครบวงจรไปกับ Techsauce
ร่วมสำรวจแนวทางและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่ AI-first organization ไปกับเรา techsauce
เพื่อนร่วมทางในการพัฒนา AI journey ของคุณ ได้ที่: https://services.techsauce.co/contact-us
หรืออีเมล [email protected]
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด